วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
ในบริเวณนี้ แต่ต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาลไทย ข้อบังคับดังกล่าวให้โอกาสสังคมมุสลิม ในบริเวณเจ็ดหัวเมืองจัดตั้งศาลศาสนาที่มีกอฎีเป็นผู้พิจารณาตัดสินคดีที่เกี่ยวข้อง กับชาวมุสลิม ภายใต้ข้อบังคับนี้บทบาทของกอฎียังคงมีอิสระและมีอำ�นาจเหมือนเดิม แต่มีอำ�นาจเฉพาะในเรื่องของครอบครัวและมรดกเท่านั้น ซึ่งในเรื่องของอาชญากรรม และอื่น ๆ อยู่ภายใต้อำ�นาจของผู้พิพากษา ส่วนที่ 1 : ความเป็นมาของการใช้กฎหมายอิสลามในประเทศไทย ความเป็นมาของการใช้กฎหมายอิสลามในประเทศไทย อาจแบ่งออกเป็น 3 ยุค ได้แก่ ยุคก่อนปฏิรูปการปกครองในรัชกาลที่ 5 ยุคปฏิรูปการปกครองในรัชกาลที่ 5 และยุคปัจจุบัน ดังนี้ 1. การใช้กฎหมายอิสลามในยุคก่อนปฏิรูปการปกครองในรัชกาลที่ 5 ในสมัยสุโขทัย การใช้กฎหมายอิสลามจำ�กัดอยู่ในบริเวณทางตอนใต้หรือ ที่เรียกว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบันเท่านั้น เนื่องจากนโยบายด้านการปกครอง ต่อบริเวณที่เรียกว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นรูปแบบหัวเมืองประเทศราช คือ หัวเมืองเหล่านี้มีลักษณะที่เป็นเมืองขึ้น ใช้หลักการปกครองโดยไม่ได้ส่งคนไปปกครอง แต่ให้ปกครองกันเองเพียงแต่ต้องแสดงความสวามิภักดิ์ แต่ละหัวเมืองจะทำ�การ ปกครองตนเองและบริหารกิจการทั้งหลายด้วยความเป็นอิสระเด็ดขาดจากการปกครอง ของกรุงสุโขทัย การปกครองแต่ละหัวเมือง เจ้าเมืองมีอำ�นาจในการปกครองตาม ขนบธรรมเนียม ซึ่งหมายถึง เป็นการปกครองเมืองตามหลักการของศาสนาอิสลาม นั้นเอง เพราะเจ้าเมืองและประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม การตัดสิน คดีความอยู่ในอำ�นาจของเจ้าเมืองก็ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายอิสลามที่ใช้อยู่ใน หัวเมืองเหล่านั้น กฎหมายอิสลามในยุคนั้นจึงมีฐานะเป็นตัวกำ�หนดความสัมพันธ์ของ ประชากรในหัวเมือง โดยที่กรุงสุโขทัยไม่ได้นำ�เอาหลักกฎหมายที่ใช้อยู่ทั่วไปมาบังคับ ใช้ในหัวเมืองเหล่านี้ ในสมัยอยุธยา การใช้กฎหมายอิสลามนอกจากจะมีความเกี่ยวข้องกับบริเวณ ที่เรียกว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว การใช้กฎหมายอิสลามยังมีความเกี่ยวข้อง กับมุสลิมในเมืองหลวงอีกด้วย โดยที่การใช้กฎหมายอิสลามในกรุงศรีอยุธยามี พระยาจุฬาราชมนตรีซึ่งมีฐานะเป็นผู้นำ�ประชาคมมุสลิม ทำ�การพิจารณาคดีครอบครัวและ วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 5 ฉบับที่ 7 มกราคม - ธันวาคม 2557
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3