วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
มรดกของผู้นับถือศาสนาอิสลาม ดังข้อมูลที่ปรากฏในสารตราของเสนาบดีกระทรวง ยุติธรรม ที่ 30/4353 วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2460 ซึ่งมีความว่า “ถ้าบุคคลผู้นับถือ ศาสนาอิสลามพิพาทกันด้วยความแพ่งลักษณะผัวเมียและทรัพย์มรดก ให้ตุลาการ พึงพิจารณาและบังคับคดีตัดสินคดีโดยลัทธิประเพณีอิสลามตามคัมภีร์โกหร่าน พระมะหะหมัดนั้น” ดังปรากฏในกระทรวง หลวงภักดีวิจารณ์ตุลาการ กรมท่าขวา ขึ้นแต่พระยาจุฬาราชมนตรีนั้นสืบมา ตำ�แหน่งจุฬาราชมนตรีเริ่มมีขึ้นครั้งแรกในสมัยอยุธยา แต่ยังไม่มีหลัก ฐานยืนยันว่าได้รับการจัดตั้ง ขึ้นดังกล่าวครั้งแรกเมื่อใด อย่างช้าที่สุดคงจัดตั้งขึ้นใน รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. 2145 ถึง พ.ศ. 2170) หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุด ในปัจจุบันคือกฎหมายตราสามดวงที่กล่าวถึงการจัดแบ่งการบริหารกรมท่าขวาคือ พระอัยการตำ�แหน่งพลเรือน โดยปรากฏในกฎหมายตราสามดวงว่า “พระจุลาราชมนตรี” ถือศักดินา 1,400 เท่ากับขุนนางราชทินนาม “โชดึก” เจ้ากรมท่าซ้ายฝายจีน 2. การใช้กฎหมายอิสลามในยุคปฏิรูปการปกครองในรัชกาลที่ 5 เมื่อได้มีการจัดตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 บทบาทหน้าที่ ตุลาการเกี่ยวกับการรับเรื่องราวร้องทุกข์และตัดสินคดีความของมุสลิมของจุฬาราชมนตรี ถูกยกเลิกไป ซึ่งต่อมากฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับอำ�นาจหน้าที่ของจุฬาราชมนตรีก็ ไม่ได้บัญญัติให้จุฬาราชมนตรีมีอำ�นาจหน้าที่ด้านการตัดสินคดีความเกี่ยวกับครอบครัว และมรดกอีก ยังคงอยู่เฉพาะการใช้กฎหมายอิสลามในบริเวณ 7 หัวเมือง แต่มีรูปแบบ แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ 2.1 การใช้กฎหมายอิสลามในระยะแรก การดำ�เนินการใช้ระยะนี้รัฐมีนโยบายเกี่ยวกับการใช้กฎหมายอิสลาม โดยการตัดสินคดีความยังให้เจ้าเมืองมีอำ�นาจในการตัดสินคดีต่าง ๆ ตามกฎหมาย ประเพณีอิสลาม เว้นแต่คดีที่มีโทษถึงประหารชีวิตหรือริบทรัพย์ เจ้าเมืองต้องขอ พระบรมราชานุญาตเหมือนหัวเมืองชั้นในเสียก่อน และคดีที่มีการอุทธรณ์ต้องส่งให้ ข้าหลวงพิจารณา อย่างไรก็ตาม รัฐได้พยายามจะเข้ามาจัดระเบียบการใช้กฎหมาย อิสลามมากขึ้น โดยให้มีคณะผู้พิพากษาทำ�การพิจารณาตัดสินคดีตามกระบวนการ ยุติธรรมสมัยใหม่ แต่คดีที่เกี่ยวกับครอบครัวและมรดกในศาสนาอิสลามให้พิจารณา วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 5 ฉบับที่ 7 มกราคม - ธันวาคม 2557
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3