วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

(2) ค้นเพื่อพบสิ่งของ ซึ่งมีไว้เป็นความผิด หรือ ได้มาโดยการ กระท�ำผิดหรือได้ใช้ หรือสงสัยว่า ได้ใช้ ในการกระท�ำผิด หรือซึ่งอาจใช้เป็น พยานหลักฐานได้ แต่ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการค้น (3) หมายเรียกบุคคลซึ่งครอบครองสิ่งของ ซึ่งอาจใช้เป็นพยาน หลักฐานได้ แต่บุคคลที่ถูกหมายเรียกไม่จ�ำต้องมาเอง เมื่อจัดส่งสิ่งของมา ตามหมายแล้วให้ถือเสมือนว่าได้ปฏิบัติตามหมาย (4) ยึดไว้ซึ่งสิ่งของที่ค้นพบหรือส่งมาดังกล่าวไว้ใน อนุมาตรา (2) และ (3) มาตรา 85 มาตรา 85/1 และมาตรา 132 (2), (3), (4) แห่งประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มุ่งเน้นให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบ และค้นหาความจริงจากการเก็บของกลางจากกรณีเกิดการกระท�ำความผิด ทางอาญาหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระท�ำความผิดทางอาญา ตามค�ำนิยามว่า “สิ่งของ” ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (8) “สิ่งของ” หมายความถึงสังหาริมทรัพย์ใดซึ่งอาจใช้เป็น พยานหลักฐานในคดีอาญาได้ ให้รวมทั้งจดหมายโทรเลขและเอกสารอย่างอื่น ๆ ปัจจุบันพนักงานสอบสวนได้ใช้อ�ำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายก�ำหนด พิจารณาให้ปล่อยของกลางดังกล่าวคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง เพื่อมิให้ของกลาง ดังกล่าวเกิดความสูญหาย เสียหายจากการที่พนักงานสอบสวนเก็บรักษาไว้ ณ สถานีต�ำรวจหรือบริเวณที่เก็บรักษาของทางราชการซึ่งบางครั้งต้องตั้งงบประมาณ มาเพื่อเช่าพื้นที่เก็บรักษา ยกเว้นสิ่งของที่ท�ำหรือมีไว้เป็นความผิด ซึ่งไม่อาจ คืนให้ได้เนื่องจากเป็นสิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดกฎหมายและเกี่ยวข้องกับ ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทรัพย์สินที่จะถูกเก็บเป็นของกลางพบมากคือการเก็บรักษารถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็นต้น เมื่อเก็บรักษาของกลางไว้ตามระเบียบแล้ว แต่ก็ยัง ปรากฏว่าเกิดการสูญหาย เสียหาย หรือกรณีทรัพย์สินดังกล่าวพนักงานสอบสวน อาจได้ด�ำเนินการแจ้งให้เจ้าของที่แท้จริงหรือผู้มีสิทธิหรือผู้มีสิทธิครอบครอง มารับคืน แต่เจ้าของที่แท้จริงหรือผู้มีสิทธิหรือผู้มีสิทธิครอบครองยังไม่มารับคืน หรือบุคคลดังกล่าวไม่ให้ความร่วมมือไม่มาแสดงตนเพื่อรับสิ่งของเสียเอง หรือกรณีพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ควรเก็บรักษาของกลางไว้ วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 6 ฉบับที่ 8 กรกฎาคม 2560 - มิถุนายน 2561 46

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3