วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

พนักงานสอบสวนได้ท�ำไปเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือเพื่อพิสูจน์ความผิด และเพื่อเอาตัวผู้กระท�ำผิดมาฟ้องลงโทษอาญา ตลอดจนการสืบสวน สอบสวน ติดตาม จับกุมตัวผู้กระท�ำความผิดมาเพื่อฟ้องคดีต่อศาล มีลักษณะเป็น ใช้อ�ำนาจอยู่ใต้อ�ำนาจตุลาการของศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นการกระท�ำในทางยุติธรรม ทางอาญาชั้นพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานต�ำรวจเพื่อวัตถุประสงค์ในการ ป้องกันปรามปราบอาชญากรรมซึ่งคดีข้อพิพาทเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ในส่วนนี้ อยู่ในอ�ำนาจของศาลยุติธรรม เมื่อการใช้อ�ำนาจสั่งให้มีการเก็บรักษาของกลางตามกฎหมายและ ถือเป็นหนึ่งในกระบวนการที่อยู่ในอ�ำนาจการสอบสวนของเจ้าพนักงานต�ำรวจ เป็นการกระท�ำตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เพื่อเป็นพยานหลักฐานและ น�ำตัวผู้นั้นมาลงโทษทางอาญา ซึ่งเป็นการกระท�ำที่อาศัยอ�ำนาจตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อันเป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการด�ำเนิน คดีอาญาในศาลยุติธรรม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ของประชาชนในสังคม แต่ขณะเดียวกันการใช้อ�ำนาจในการเก็บรักษาของกลางนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระท�ำทางปกครองด้วย เนื่องจากเป็นการกระท�ำที่มีผล เป็นการกระทบต่อสิทธิของบุคคลจากการออกค�ำสั่งหรือการใช้อ�ำนาจทางการ บริหาร จัดการเกี่ยวกับการเก็บรักษาของกลางซึ่งอาจเกิดความเสียหายหรือ สูญหายในระหว่างการเก็บรักษาสิ่งของดังกล่าว พนักงานสอบสวนหรือเจ้ าพนักงานต�ำรวจมิใช่จะมีบทบาทและ ความรับผิดชอบแต่เฉพาะในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา แต่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานต�ำรวจยังเป็นผู้ใช้อ�ำนาจในทางปกครอง ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีอ�ำนาจและใช้อ�ำนาจในทางปกครองในการด�ำเนินการให้ความคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ การให้ความเป็นธรรมกับประชาชน การรักษาผลประโยชน์ของมหาชน ภายใต้หลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระท�ำทางปกครอง ซึ่งหมายความว่า เจ้าพนักงานต�ำรวจไม่มีอ�ำนาจกระท�ำการใด ๆ ในทางปกครองที่มีผลกระทบ กระเทือนต่อเสรีภาพหรือประโยชน์อันชอบธรรมของเอกชนคนใดคนหนึ่งได้ เว้นแต่เมื่อมีกฎหมายให้อ�ำนาจและจะต้องกระท�ำภายในขอบเขตที่กฎหมายก�ำหนด เท่านั้น และในการด�ำเนินงานของรัฐทุกระบบต้องถูกตรวจสอบโดยศาลได้ วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 6 ฉบับที่ 8 กรกฎาคม 2560 - มิถุนายน 2561 61

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3