รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ

74 ความเสียหายเนื่องมาจากการกระทาดังกล่าวของฝุายปกครอง แต่สามารถนาพิจารณาเทียบเคียงกับการ แก้ไขสัญญาฝุายเดียวได้ เพราะการเลิกคือการแก้ไขให้เป็นศูนย์นั่นเอง และกฎหมายเฉพาะได้บัญญัติการ แก้ไขสัญญาและการเลิกสัญญาตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 แต่ มิได้บัญญัติเรื่องค่าเสียหายที่ฝุายเอกชนได้รับจากการใช้เอกสิทธิ์ในสัญญาทางปกครองฝุายเดียว การใช้เอกสิทธิ์แก้ไขสัญญาทางปกครองตามแนวคาพิพากษาของศาลปกครองฝรั่งเศส การที่คู่สัญญาฝุายปกครองมีเอกสิทธิ์ในการแก้ไขข้อสัญญาฝุายเดียวได้นั้น อาจเป็นการเพิ่มภาระ ให้แก่เอกชนคู่สัญญา หากไม่มีกาหนดไว้ขณะทาสัญญา แต่สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งจาเป็นในการ ตอบสนองต่อบริการสาธารณะในภายหลังทาสัญญา ทั้งนี้ เพราะในระหว่างระยะเวลาตามสัญญาควา ม ต้องการของประชาชนส่วนรวมอาจเปลี่ยนแปลงไป ทาให้การบริการสาธารณะของฝุายปกครองจาต้อง ปรับตัวตาม หรืออาจเป็นกรณีที่ประชาชนมีความต้องการบริการสาธารณะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเอกชนคู่สัญญา ก็ควรที่จะได้รับการชดเชยกับภาระที่เพิ่มมากขึ้นจากคู่สัญญาฝุายรัฐด้วย เช่น ในประเทศฝรั่งเศสสภาแห่ง รัฐเคยมีคาพิพากษาในคดี Tramways de Marseille [9] เมื่อปี ค.ศ.1910 โดยสภาแห่งรัฐได้ยอมรับหลัก เอกสิทธิ์ในการแก้ไขข้อสัญญาฝุายเดียวของคู่สัญญาฝุายรัฐในสัญญาทางปกครองได้ซึ่งคู่สัญญาฝุายรัฐ สามารถบังคับเอกชนคู่สัญญา (ผู้รับสัมปทาน) ให้ดาเนินบริการหรือรับภาระมากกว่าที่กาหนดไว้ในสัญญา ได้ โดยเอกชนคู่สัญญามีสิทธิที่จะได้รับการชดเชยสาหรับภาระหน้าที่ ที่เพิ่มขึ้นนั้นได้ ดังนั้น เมื่อคู่สัญญา ฝุายรัฐใช้สิทธิแก้ไขข้อสัญญาแล้ว รัฐจาต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เอกชนคู่สัญญาเป็นการแลกเปลี่ยนตาม “ทฤษฎีเหตุอันเกิดจากการกระทาของฝุายปกครอง (Théorie du fait du prince)” [10] ซึ่งสภาแห่งรัฐฝรั่งเศสได้รับรองหลักการนี้ไว้ในคดีCompagniegénéralefrancaise des tramways ซึ่งในคดีดังกล่าวจังหวัดได้ทาสัญญาให้สัมปทานเดินรถรางแก่บริษัทเอกชนโดยกาหนดจานวน เที่ยวและจานวนรถไว้ในสัญญา ต่อมาในฤดูร้อนประชาชนต้องการใช้รถมากขึ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดจึง อาศัยอานาจตามรัฐกฤษฎีกา ลงวันที่ 8 สิงหาคม 1881 กาหนดให้บริษัทคู่สัญญาปรับเพิ่มจานวนขบวน รถให้มากขึ้น แต่บริษัทไม่ยินยอมโดยอ้างว่ายินดีเพิ่มเที่ยวรถแต่ไม่เพิ่มจานวนรถ บริษัทจึงนาคดีมาฟูอง ต่อศาล ซึ่งสภาแห่งรัฐวินิจฉัยว่า เมื่อพิเคราะห์รัฐกฤษฎีกาดังกล่าวแล้ว ฝุายรัฐหามีเพียงสิทธิที่จะอนุมัติ เวลาเดินรถและเที่ยวรถไม่ แต่ยังอาจแก้ไขหรือเพิ่มเติมจานวนรถได้ เพื่อให้บริการสาธารณะบรรลุผล แต่ ทั้งนี้บริษัทรถรางก็ย่อมมีสิทธิเรียกค่าทดแทนความเสียหายอันเกิดจากการแก้ไขข้อสัญญาของฝุายรัฐได้ และคาว่า “ค่าทดแทน” (indemnité) นี้ หมายถึง ค่าทดแทนความเสียหายที่มีอยู่จริงทั้งหมด คือการ ขาดทุนจริง ๆ เท่านั้น แท้จริงตามหลัก“ดุลยภาพทางการเงิน” (équationfinancière) ในสัญญาทาง

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3