รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ
87 RoSPA) ได้ให้คาแนะนาว่าไม่ควรซื้อที่นั่งนิรภัยสาหรับเด็กมือสองมาใช้งาน เพราะไม่ทราบประวัติการใช้ งานที่แน่ชัดว่าเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อนหรือไม่ หรือมีความเสียหายของอุปกรณ์จากการใช้งานหรือไม่ อีก ทั้งที่นั่งนิรภัยสาหรับเด็กมือสองอาจใช้งานได้ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว [7] ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีการกาหนดไว้ว่า เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องใช้ที่นั่ง นิรภัยสาหรับเด็กที่ได้รับการรับรองจาก UN R44 คือ Child Restraint Systems มาตรฐานของสหภาพ ยุโรปว่าเบาะที่นั่งมีความปลอดภัยและสามารถปกป้องเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้ หากต้องการที่นั่ง นิรภัยสาหรับเด็กในสหภาพยุโรปอย่างถูกกฎหมายจะต้องผ่านการทดสอบการชน ดังนี้ 1) การทดสอบการชนด้านหน้าด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2) การทดสอบการชนด้านหลังด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3) นั่งจะต้องผ่านการทดสอบแบบโรลโอเวอร์เทส 4) การทดสอบใช้ P-dummy หรือหุ่นจาลอง หรือต้องได้รับการรับรองจาก R129 คือ มาตรฐาน i-Size จะต้องผ่านการทดสอบการชน ดังนี้ [8] 1) ทดสอบการชนด้านหน้าด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง 2) การทดสอบการชนด้านหลังด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3) ที่นั่งจะต้องผ่านการทดสอบแบบโรลโอเวอร์ 4) การทดสอบแบบไดนามิกสาหรับผลกระทบด้านข้าง 5) ใช้ Q-Dummies หรือหุ่นจาลองแบบใหม่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่แท้จริงของ การชนกับร่างกายของเด็กที่แท้จริงมากขึ้น สาหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปสามารถนั่งเบาะหลังได้ แต่หากในครอบครัวมีบุตรหรือเด็กจานวน 3 คนนั่งเบาะหลัง แต่มีที่ว่างสาหรับเบาะที่นั่งในรถสาหรับเด็กเพียงแค่ 2 ที่นั่ง สามารถให้เด็กอายุ 3 ปีขึ้น ไปอีก 1 คนสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยสาหรับผู้ใหญ่ได้ ประเทศเดนมาร์ก ได้มีการกาหนดให้เด็กควรใช้ที่นั่งนิรภัยสาหรับเด็กที่เหมาะสมกับส่วนสูงและ น้าหนักจนกว่าจะมีความสูงถึง 135 เซนติเมตร และที่นั่งนิรภัยสาหรับเด็กจะต้องได้รับการอนุมัติตาม UN R44 หรือ R129 ทั้งนี้ การใช้เบาะที่นั่งในรถแบบหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ (Rear-Facing Seat) ในที่นั่งด้านหน้าของรถยนต์จะต้องปิดการทางานของถุงลมนิรภัยให้เป็นที่เรียบร้อยก่อนการติดตั้งเบาะ
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3