รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ

97 ศาลแขวง หรือศาลที่พิจารณาคดีอาญาไม่มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่ง เช่น ผู้เสียหายฟ้องคดีอาญา ต่อศาลอาญาซึ่งในกรณีปกติเป็นศาลที่ไม่มีอานาจในการพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งของผู้เสียหายตามพระ ธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 19 วรรคสอง เป็นต้น ดังนั้น กรณีนี้ผู้เสียหายจึงต้องนาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่อง กับคดีอาญาดังกล่าวไปฟ้องยังอีกศาลหนึ่งที่มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งนั้น อันเป็นการสร้างภาระ เงื่อนไขและสร้างความยุ่งยากไม่สะดวกให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบมาจากการ กระทาผิดทางอาญามาชั้นหนึ่งแล้วและยังได้รับความไม่สะดวกยุ่งยากในการใช้สิทธิทางแพ่ง โดยกรณีนี้ แต่เดิม ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ในประเด็นนี้ไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่ผลที่เกิดขึ้นคือผู้เสียหายไม่ได้ รับความสะดวก ไม่ได้รับการอานวยความยุติธรรมตามที่ควรจะเป็นดังที่คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 4419/2528 และ 6630/2556 วินิจฉัยไว้ดังกล่าวมาข้างต้นในบทนา อย่างไรก็ตาม เกี่ยวประเด็นนี้ ต่อมาศาลฎีกาได้วินิจฉัยกลับแนววินิจฉัยเดิมอันอันถือว่าเป็นการ อานวยความยุติธรรมโดยศาลให้ผู้เสียหายสามารถเข้าถึงและใช้สิทธิเรียกร้องทางแพ่งในการฟ้องคดีแพ่งที่ เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาได้ง่ายและสะดวกขึ้นดังนี้ คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 8192/ 2560 แม้พระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 25 วรรคหนึ่ง (4) กาหนดว่าผู้พิพากษาคนเดียวมีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งซึ่งราคาทรัพย์สินที่พิพาทหรือจานวนเงิน ที่ฟ้องไม่เกินสามแสนบาทก็ตาม แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 40 บัญญัติว่า “การ ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะฟ้องต่อศาลซึ่งพิจารณาคดีอาญาหรือต่อศาลที่มีอานา จชาระคดี แพ่งก็ได้ การพิจารณาคดีแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ” การที่บทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาโดยกาหนดให้รัฐ (พนักงาน อัยการ) และผู้เสียหายสามารถฟ้องคดีส่วนแพ่งรวมไปกับคดีอาญาและให้ศาลที่พิจารณาคดีอาญา พิจารณาพิพากษาคดีแพ่งในคราวเดียวกันโดยไม่ต้องไปฟ้องร้องกันใหม่ ก็เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมให้ได้รับการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยสะดวกและรวดเร็ว ดังนั้น ถึงแม้ว่าใน บางกรณีเขตอานาจปกติของศาลที่พิจารณาคดีอาญาไม่อาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับ คดีอาญานั้นได้ก็ตาม ต้องถือว่าเป็นกรณีที่กฎหมายประสงค์จะยกเว้นให้ทาได้ดังเช่นพนักงานอัยการร้อง ขอให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43 หรือ ผู้เสียหายยื่นคาร้องขอให้บังคับจาเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญามาตรา 44/1 กรณีจึงไม่จาต้องคานึงว่าศาลที่พิจารณาคดีอาญาจะเป็นศาลที่มีอานาจพิจารณาคดี

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3