รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ
224 ถือว่าการจัดส่งสินค้าเป็นกิจกรรมที่จําเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งและได้เกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใน การเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการเดินทางเป็นการเชื่อมโยงความต้องการของผู้บริโภคและผู้ขายเข้า ด้วยกัน ซึ่งการขนส่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยการสร้างความสะดวกทั้งด้านเวลาและ สถานที่ ส่งผลให้บริษัทที่มีการจัดการการขนส่งที่ดี ซึ่งโดยทั่วไปพบว่าองค์ประกอบที่มีผลต่อการ ตัดสินใจเลือกผู้ใช้บริการ คือ คุณภาพของตัวสินค้าและคุณภาพของบริการที่มีมาพร้อมกับตัวสินค้า [1] บทความวิจัยนี้มีแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ทฤษฎีความศักดิ์สิทธิ์แห่งการแสดง เจตนาที่มีสมมติฐานว่าคนทุกคนมีอํานาจต่อรอง เท่าเทียมกันตามกฎหมาย ซึ่งอํานาจในการเข้า ต่อรอง ได้แก่ อํานาจในการเข้าร่วมกําหนดเงื่อนไขหรือข้อตกลงในสัญญา โดยปราศจากการ แทรกแซงและครอบงําของอํานาจรัฐ และข้อตกลงมีความมั่นคงแน่นอน รวมทั้งมีเสรีภาพในการตกลง ใจร่วมผูกพันในสัญญา ผู้ตกลงใจมิได้ถูกบังคับให้ตกลงใจ และผู้ตกลงใจเข้าใจข้อความอย่างถ่องแท้ แล้ว จึงตกลงใจเข้าผูกพันทําสัญญาด้วย ซึ่งทฤษฎีความ 3 ศักดิ์สิทธิ์แห่งการแสดงเจตนานี้ จะเป็น เครื่องมือในการก่อให้เกิดสัญญาที่มีผลบังคับในระหว่างคู่สัญญา โดยการแสดงเจตนาของคู่สัญญานั้น ทั้งนี้เพราะกฎหมายที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอและไม่เหมาะสมในปัญหาหลายกรณีที่เกิดขึ้นมาในสังคม ปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอีกว่าควรปล่อยให้เอกชนมีความคิดริเริ่มในการกําหนดและบังคับตาม สิทธิของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีหลักศักดิ์สิทธิ์แห่งการแสดงเจตนา ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ในทางแพ่งซึ่งปรากฏอยู่ใน ประมวล กฎหมายมากกว่าในระบบจารีตประเพณี ระบบประมวลกฎหมายยอมรับทฤษฎีเรื่องความ ยินยอมในสัญญา ดังจะเห็นได้จากสุภาษิตกฎหมายบทหนึ่ง ที่กล่าวว่า “สัญญาต้องเป็นสัญญา” ซึ่ง กล่าวโดยสรุป ก็คือ หลักดังกล่าวข้างต้นมีหลักเกณฑ์ว่า “บุคคลต้องมีอิสระในการทําสัญญาตามที่เขา ต้องการ โดยปราศจากการแทรกแซงโดยรัฐ [1] จากข้อมูลที่กล่าวข้างต้น หลักความศักดิ์สิทธิ์แห่งการ แสดงเจตนานั้นผู้บริโภคต้องมีความอิสระในการเข้าทําสัญญาตามที่ต้องการโดยปราศจากการ แทรกแซงโดยภาครัฐ และเมื่อผู้บริโภคเข้าทําสัญญากับผู้ประกอบธุรกิจแล้วก็จําต้องผูกพันตามข้อ สัญญาที่ตกลงไป ซึ่งผู้บริโภคอาจเสียเปรียบผู้ประกอบธุรกิจเนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ สัญญานั้น ๆ ดังเช่น การเสียเปรียบในด้านสัญญาบางข้อที่ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งเอกชนปัดความ รับผิดชอบในการบริการ แต่ในสภาพความเป็นจริงของสังคมปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าบุคคลไม่ มีความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และสติปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้บริโภค” ย่อมไม่อยู่ในฐานะที่มีความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันกับผู้ ประกอบธุรกิจไม่มีอํานาจต่อรองกับผู้ประกอบธุรกิจ เมื่อเข้าทําสัญญาจึงทําให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ 3 อานนท์ ศรีบุญโรจน์. ( 2561). ข้อพิจารณาบางประการต่อหลักความศักดิ์สิทธิแห่งการแสดงเจตนาในกฏหมายขัดกันของ ไทย (รายงานผลการวิจัย).คณะนิติศาสตร์:มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3