รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ
24 กาหนดให้การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ซึ่งเป็นการกาหนดลักษณะ เกี่ยวกับประเภทของจัดซื้อจัดจ้างเพื่อการดาเนินกิจกรรมที่มีลักษณะเป็นการผลิต จาหน่าย หรือให้บริการ เพื่อแสวงหารายได้ หรือเป็นการดาเนินกิจกรรมที่ต้องมีการแข่งขันกับภาคเอกชนก็ตาม พระราชบัญญัติ ฉบับนี้ขัดต่อเจตนารมณ์แรกเริ่มที่ต้องการให้รัฐวิสาหกิจที่แปรรูปเป็นบริษัทมหาชนมีความเป็นอิสระไม่ ต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์การดาเนินงานของรัฐและการพิจารณาของคณะกรรมการตามกฎหมายซึ่งส่วน ใหญ่เป็นข้าราชการในส่วนราชการ และก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจว่าจะต้อง ปฏิบัติตามระเบียบที่มีอยู่เดิมหรือจะต้องปฏิบัติกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง ทาให้ต้องขอคาปรึกษา จากกรมบัญชีกลางอยู่เสมอ และการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทนั้นบางกรณีมีความจาเป็นเร่งด่วนต้องรีบ ดาเนินการหากล่าช้าจะก่อให้เกิดความเสียหาย การที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง ตามกฎหมายอาจก่อให้เกิดความล่าช้า เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละปีจะต้องมีระบุไว้ใ นแผนการ จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุต้องดาเนินการตามผ่านขั้นตอนที่กาหนดไว้ ทาให้การปฏิบัติงานเป็นไป อย่างล่าช้าและไม่สนองต่อความต้องการในการดาเนินงานในรูปแบบของธุรกิจได้อย่างทันท่วงที 4. สรุป จะเห็นได้ว่า การกาหนดนิยามรัฐวิสาหกิจในกฎหมายแต่ละฉบับนั้นมีการพิจารณาทั้งปัจจัยในเชิง รูปแบบและเนื้อหา กล่าวคือ ปัจจัยในเชิงรูปแบบ ได้แก่ การบัญญัตินิยามรัฐวิสาหกิจเป็นอนุมาตราโดย อ้างอิงนิยามจากพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 เป็นหลัก ส่วน ปัจจัยทางด้านเนื้อหา ได้แก่ การ กาหนดนิยามรัฐวิสาหกิจ 2 อนุมาตราแรกคล้ายๆกัน ได้แก่ (1) รัฐวิสาหกิจที่มีกฎหมายจัดตั้งหรือธุรกิจที่ รัฐเป็นเจ้าของ และ (2) บริษัทที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจถือหุ้นเกินกว่าหนึ่ง ส่วนกฎหมายใดจะนิยาม รัฐวิสาหกิจอนุมาตรา (3) หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานต้นสังกัดที่รับผิดชอบตามกฎหมายนั้นหรือ คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายจะเป็นผู้พิจารณาโดยขึ้นอยู่กับจากวัตถุประสงค์ของกฎหมายว่าจะ ให้บังคับใช้ไปถึงบริษัทในกลุ่มของรัฐวิสาหกิจที่หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจถือหุ้นเพียงใด นอกจากนี้ แล้ว ปัจจัยที่มีผลสาคัญต่อการกาหนดนิยามรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การควบคุมและตรวจสอบทางการบัญชี งบดุล และเอกสารหลักฐานอื่นเพื่อป้องกันการทุจริตในหน่วยงานอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การกาหนดนิยาม รัฐวิสาหกิจนอกเหนือไปจากเจตนารมณ์ของกฎหมายและไม่คานึงถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน อาจก่อให้เกิดความไม่สอดคล้องกับบริบทการบังคับใช้ทางกฎหมายและการดาเนินงานของภาครัฐที่ เปลี่ยนไปและอาจส่งผลกระทบต่อนิติบุคคลในรูปแบบของบริษัทที่อยู่ภายใต้บังคับของฉบับกฎหมายนั้น อีกด้วย [12] และยังส่งผลกระทบต่อรัฐวิสาหกิจในรูปแบบของบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3