รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ

30 ทางเศรษฐกิจและสังคม อันมีสาเหตุมาจากการกระท้าของมนุษย์ [1] พื้นที่ชุ่มน้้าจัดเป็นหนึ่งใน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีความส้าคัญต่อการด้ารงชีวิตของมนุษย์ ค้าว่าพื้นที่ชุ่มน้้าเป็นค้าที่ ใช้เรียกระบบนิเวศ ซึ่งมีความก้้ากึ่งระหว่างความเป็นระบบนิเวศทางบกและระบบนิเวศทางน้้า หรือเป็น พื้นที่บริเวณรอยต่อระหว่างระบบนิเวศมักเป็นที่ลุ่มต่้า ดินมีลักษณะแตกต่างจากที่ดอนที่สูง และดิน บริเวณน้้าลึก อาจปกคลุมด้วยน้้าตื้น หรือมีน้้าขังชั่วคราว [2] จากข้อมูลการรายงานของส้านักเลขาธิการ อนุสัญญาแรมซาร์ เกี่ยวกับสถานการณ์พื้นที่ชุ่มน้้าโลกพบว่าปัจจุบันพื้นที่ชุ่มน้้า โลกลดลงอย่างรวดเร็ว มากถึง 35% ตั้งแต่ปี 1970 และแนวโน้มมีการลดลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง [3] ส่วนในประเทศไทย ส้านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ได้ท้าการส้ารวจและพบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้้า ประกอบด้วยป่าชายเลน ป่าพรุ หนอง บึง ทะเลสาบและแม่น้้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 22.88 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6.75 ของพื้นที่ [4] ปัจจุบันพื้นที่ชุ่มน้้าต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่เสื่อมลง ส่วน ใหญ่เกิดจากการบุกรุกและกิจกรรมการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีสาเหตุที่ส้าคัญ ได้แก่ การขาดข้อมูล พื้นฐานในการบริหารจัดการ ไม่มีการก้าหนดนโยบายที่เป็นแบบแผนชัดเจน ขาดความตระหนักถึงคุณค่า และความส้าคัญของพื้นที่ชุ่มน้้า ภาคประชาชนขาดโอกาสในการมีส่วนร่วมวางแผนในการจัดการพื้นที่ชุ่ม น้้า และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้้ายังมีจุดอ่อน จากการศึกษาข้อกฎหมายของประเทศไทยในปัจจุบันพบว่าพื้นที่ชุ่มน้้าในประเทศไทย ยังไม่มี กฎหมายที่รองรับการจัดการอย่างชัดเจน เพียงแต่ใช้บทบัญญัติของกฎหมายอื่น ๆ น้ามาปรับใช้ในการ บริหารจัดการ และจากการวิเคราะห์ตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ในเบื้องต้นพบว่าในพระราชบัญญัติบางฉบับ ยังคงมีจุดอ่อนในบางประเด็น ที่อาจจะส่งผลต่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงพื้นที่ชุ่มน้้า จึงท้าให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวยังไม่มีประสิทธิผลที่ดีเท่าที่ควร ในที่นี้จะขอ น้าเสนอผลจากการวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่ ชุ่มน้้าในประเทศไทย เพื่อเป็นการแสดงความคิดเห็น เสนอแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา กฎหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้้าได้อย่างยั่งยืนต่อไป พื้นที่ชุ่มน้า พื้นที่ชุ่มน้้าเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าและมีความส้าคัญเป็นอย่างมาก ทั้งต่อมนุษย์ พืช และสัตว์ รวมถึง มีบทบาทหน้าที่เพื่อรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ [2] พื้นที่ชุ่มน้้าเป็นระบบนิเวศที่มีความ หลากหลายจึงท้าให้นักวิชาการหลายท่าน มีการให้ความหมายของค้าว่าพื้นที่ชุ่มน้้าไว้หลาย ๆ ความหมาย ที่แตกต่างกันออกไป แต่ความหมายของพื้นที่ชุ่มน้้าที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วโลกนั้น เป็นความหมายที่ได้

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3