รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ

34 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง และ บ้ารุงรักษา รวมไปถึงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์และสวนรุกขชาติให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุลและ ยั่งยืน จึงหมายความได้ว่าพื้นที่ชุ่มน้้าใด ๆ ที่มีขอบเขตอยู่ในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวน พฤกษศาสตร์และสวนรุกขชาติย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งจากการวิเคราะห์ บทบัญญัติของกฎหมายฉบับนี้พบว่าในประเด็นของการก้าหนดพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 6 มาตรา 7 และ มาตรา 8 นั้น ได้มีการกล่าวว่าให้มีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เพื่อน้ามาประกอบการพิจารณาด้าเนินการ ทั้งนี้ตามประกาศที่ รัฐมนตรีก้าหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าในการด้าเนินการ ดังกล่าวนั้นยังเป็นจุดอ่อนที่อาจท้าให้การแสดงความคิดเห็นของภาคประชาชนในบางส่วนอาจจะยังไปไม่ ถึง เพราะเป็นเพียงแค่รับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาด้าเนินการเท่านั้น ไม่ได้มีผลให้ ประชาชนหรือชุมชนที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอาจเป็นปัญหาท้าให้ ประชาชนหรือชุมชนอาจไม่ยอมรับมาตรการใด ๆ ในการจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติได้ ซึ่งควรมีการตรา ในหัวข้อที่เกี่ยวกับการให้มีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างชัดเจน และเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ ตามอนุสัญญาแรมซาร์ที่ให้ความส้าคัญเป็นอย่างมากกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน นอกจากนี้ใน พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ยังไม่ได้มีการก้าหนดอ้านาจหน้าที่ที่แบ่งตามส่วนงานความ รับผิดชอบอย่างชัดเจน เป็นเพียงแต่การก้าหนดอ้านาจหน้าที่ในภาพรวมของส่วนกลางเท่านั้น ซึ่งในการ จัดการพื้นที่ชุ่มน้้านั้นย่อมต้องอาศัยหน่วยงานในท้องถิ่นต่าง ๆ ที่มีพื้นที่ชุ่มน้้าช่วยกันบริหารจัดการเพื่อให้ มีการจัดการที่ทั่วถึง ครอบคลุม จึงจะท้าให้การบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น [15] 2. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อสงวนและคุ้มครองสัตว์ ป่า ซึ่งสามารถน้าพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้มาปรับใช้กับการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้้าที่อยู่ภายในเขตห้าม ล่าสัตว์ป่าและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เนื่องจากในพื้นที่ชุ่มน้้านั้นเป็นบริเวณที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งในที่นี่ย่อมรวมถึงสัตว์ทุกชนิดและสัตว์ที่เป็นสัตว์ป่าสงวนด้วย ซึ่งในการวิเคราะห์บทบัญญัติของ กฎหมายฉบับนี้พบว่าช่องว่างของการก้าหนดพระราชบัญญัติฉบับนี้มีประเด็นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กับพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ในประเด็นของการก้าหนดให้พื้นที่บริเวณใดเป็นเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่า ตามมาตรา 47 และ มาตรา 48 บทบัญญัติก็ได้กล่าวถึงการให้มีการรับฟังความคิดเห็นและ การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน เพื่อน้ามาประกอบการพิจารณา

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3