รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้งที่-1-ภายใ

46 เป็นประธานกรรมการข้าราชการตารวจ ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รองผู้บัญชาการตารวจ แห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จเรตารวจแห่งชาติเลขาธิการ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และส่วน ที่ 2 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 11 คน โดยมีอดีตข้าราชการตารวจระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ขึ้นไปที่พ้นจากการรับราชการตารวจไม่เกิน 1 ปี จานวน 5 คน มีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งไม่เป็นตารวจ จานวน 6 คน ซึ่งมีความสามารถและความเชี่ยวชาญในศาสตร์สาขา นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ อาชญาวิทยา และงานยุติธรรม หรือสาขาอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการข้าราชการตารวจกาหนด [3] ต่อมาในช่วงพุทธศักราช 2549-2550 พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้พยายามเปลี่ยนแปลง สานักงานตารวจแห่งชาติโดยจัดตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตารวจเพื่อศึกษาและพัฒนาระบบงานตารวจจนมี ร่างพระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาการบริหารงานภายใน ขององค์กรตารวจ นอกจากนี้ยังจัดทาร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ เกี่ยวกับตารวจอีกด้วย กฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่ไม่มีการ เปลี่ยนแปลงอื่นใดเนื่องจากเกิดการยุบสภาเสียก่อน [4] ต่อมาในช่วง พุทธศักราช 2551 – 2554 นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ประกาศนโยบายปฏิรูปองค์กรตารวจภายใต้นโยบายการบริหารกิจการบ้านเมือง ที่ดีโดยพยายามสนับสนุนการบริหารองค์กรตารวจให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตามหลักธรรมาภิบาล แต่องค์กรตารวจในยุคนี้ไม่มีรูปธรรมการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง จนกระทั่งการยึดอานาจการปกครองประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงมีนโยบาย ปฏิรูปโครงสร้างการบริหารงานองค์กรตารวจแห่งชาติในเวลาต่อมา [5] 2. ช่วงที่ 2 พุทธศักราช 2557-2564 : การพยายามปฏิรูปโครงสร้างองค์กรตารวจไทยตาม ความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 และรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วยปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองยุคใหม่ที่ก่อตัวตั้งแต่ช่วงพุทธศักราช 2549 – 2557 องค์กร ตารวจเป็นที่หมายปองของผู้ทรงอานาจทางการเมือง ภาพลักษณ์ด้านอุปถัมภ์นิยม อานาจนิยม และทุน นิยมได้กัดกร่อนองค์กรตารวจจนก่อรากปัญหาที่ซับซ้อน อีกทั้ง การปฏิบัติหน้าที่ของตารวจที่ กระทบกระเทือนสิทธิมนุษยชนมากขึ้นในสังคมไทย ย่อมเป็นชนวนเรียกร้องให้ภาคีทุกภาคส่วนใน สังคมไทยต้องการปฏิรูปสานักงานตารวจแห่งชาติในที่สุด ในช่วงพุทธศักราช 2557 คณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) มุ่งปฏิรูปองค์กรตารวจ โดยพยายามแก้ปัญหาโครงสร้างคณะกรรมการนโยบายตารวจ แห่งชาติ (ก.ต.ช.) ซึ่งเป็นโครงสร้างราชการแบบดั้งเดิมที่สายบังคับบัญชายืดยาวและรวมศูนย์อานาจไว้ที่ ส่วนกลาง โดยเมื่อพิจารณาข้อกฎหมายในมาตรา 10แห่ง พระราชบัญญัติตารวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 ที่ระบุว่า สานักงานตารวจแห่งชาติที่แบ่งส่วนราชการเป็นสานักงานผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3