รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้ง-2-เล่ม-1

521 1. ศึกษาค้นคว้า จากเอกสาร ตํารา และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความต้องการทางการท่องเที่ยว 2. กําหนดกรอบแนวคิด และขอบเขตของคําถามในการวิจัยให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายและ ความสําคัญของการวิจัย 3. ดําเนินการสร้างแบบสอบถามฉบับร่าง และนําให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาตรวจสอบความถูกต้อง หลังจากได้พิจารณาและตรวจสอบ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะมาแล้ว ผู้วิจัยได้นํามาปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถาม ที่ได้ทําการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว จํานวน 30 ชุด นําไปทําการทดสอบ (Pre-Test) กับกลุ่มตัวอย่างที่มี ลักษณะประชากรคล้ายกับกลุ่มตัวอย่างจริง เพื่อทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถามในส่วนของข้อคําถามที่ มีลักษณะแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) การหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) โดยค่าความเชื่อมั่นต้องได้ตั้งแต่ 0.7 ขึ้นไป (วิเชียร เกตุสิงห์. 2543) จากการทดสอบแล้วพบว่า Alpha ของ แบบสอบถามในภาพรวมเท่ากับ .951 แบบสอบถาม มีจํานวน 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เป็นแบบเลือกตอบ (Check list) เป็นคําถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา กลุ่มอาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 เป็นมาตรวัดแบบให้คะแนน (Rating scale) เกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ที่มีผล ต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของพนักงานเอกชนใน กรุงเทพมหานคร โดยครอบคลุมเนื้อหา ดังนี้ - ด้านผลิตภัณฑ์ (Product) - ด้านราคา (Price) - ด้านช่องทางการจัดจําหน่าย (Place) - ด้านส่งเสริมการตลาด (Promotion) - ด้านกระบวนการให้บริการ (Process) - ด้านลักษณะทางกายภาพของแหล่ง ท่องเที่ยว (Physical Evidence) - ด้านบุคคล (People) ส่วนที่ 3 เป็นคําถามปลายเปิด ให้ผู้ตอบแบบสอบถามให้ข้อคิดเห็นได้ตามอิสระ ผลการวิจัยการและอภิปรายผล ผลการวิจัย ผู้ตอบแบบสอบถาม 400 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 21-30 ปี มีระดับการศึกษาปัจจุบัน ปริญญาตรี และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 25,001-35,000 บาท ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของไววิทย์ แซ่อั้ง (2562) ศึกษาเรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวต่างประเทศของประชาชนชาวไทย ในเขต กรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศ หญิง อายุ 20-29 ปี การศึกษาระดับ ปริญญาตรี อาชีพพนักงาน/ลูกจ้างเอกชน

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3