รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติทางนิติศาสตร์-ครั้ง-2-เล่ม-2

38 มีกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 กาหนดไว้ แต่หากบุคคลที่กระทาความผิดอายุเกินกว่าที่กล่าวไปข้างต้น บุคคลนั้นก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการ ยุติธรรมทางอาญาทั่วไป โดยมาตรการทางกฎหมายที่มักจะถูกนามาใช้มากเป็นลาดับต้น ๆ เพื่อดาเนินการกับเด็ก และเยาวชนที่กระทาความผิดร้ายแรงหรือกระทาความผิดซ้าในประเทศไทย คือ มาตรการพิเศษแทนการดาเนินคดี อาญาโดยการจัดทาแผนแก้ไขบาบัดฟื้นฟูตามมาตรา 86 และ 90 และการเปลี่ยนโทษจาคุกเป็นการส่งตัวไปฝึก และอบรมตามมาตรา 142(1) ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1) มาตรการพิเศษแทนการดาเนินคดีอาญาโดยการจัดทาแผนแก้ไขบาบัดฟื้นฟูตามมาตรา 86 และ 90 [2] ที่บัญญัติอยู่ในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 เป็นมาตรการพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในคดีอาญาที่เด็กและเยาวชนเป็นผู้กระทาความผิดโดยมี แผนแก้ไขบาบัดฟื้นฟู (Rehabilitation Plan) ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ของเด็กและเยาวชนภายใต้ วัตถุประสงค์ของการเบี่ยงเบนคดี (Diversion) ตามหลักกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) เพื่อให้เด็กและเยาวชนผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดได้แสดงความรับผิดชอบในการกระทาของตนเอง [3] รวมทั้งผู้เสียหายได้รับประโยชน์สูงสุดจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่สมดุลกัน ( Balance) โดย กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ให้ความสาคัญกับการกระทาความผิดในแง่ที่ว่าการกระทาความผิดนั้นนอกจาก จะเป็นเรื่องที่บุคคลได้ฝุาฝืนกฎหมายของบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างบุคคลที่เป็นผู้เสียหายหรือ เหยื่อจากการกระทาความผิดและผู้กระทาความผิดอีกด้วย (Interpersonal Conflict)โดยมาตรการพิเศษแทนการ ดาเนินคดีอาญามีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ (1) ต้องการแก้ไขปรับเปลี่ยนความประพฤติที่ฝุาฝืนต่อกฎหมาย ของเด็กหรือเยาวชน (2) ต้องการบรรเทา ทดแทน หรือชดเชยความเสียหายแก่ผู้เสียหาย และ (3) ต้องการสร้าง ความปลอดภัยให้เกิดแก่ชุมชนและสังคม [4] 2) การเปลี่ยนโทษจาคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกและอบรมตามมาตรา 142(1) การเปลี่ยนโทษจาคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกและอบรมตามมาตรา 142(1) เป็นการใช้วิธีการสาหรับเด็กและ เยาวชน (Commutation and Measure for Child and Juvenile) เพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษทางอาญาซึ่งมี ลักษณะแตกต่างจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั่วไป โดยกฎหมายได้กาหนดไว้เป็น 4 กรณี แต่ในงานวิจัยนี้ คณะผู้วิจัยขอยกมาอธิบายเฉพาะกรณีที่มีการการเปลี่ยนโทษจาคุกเป็นการส่งตัวไปฝึกและอบรมตามมาตรา 142(1) ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้เท่านั้น กล่าวคือ กฎหมายให้อานาจศาลที่มีอานาจพิจารณาคดีเยาวชนและ ครอบครัว สามารถใช้ดุลยพินิจในการเปลี่ยนโทษจาคุกหรือวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามมาตรา 39(1) แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา เป็นการส่งตัวเด็กหรือเยาวชนไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมในสถานที่ที่กาหนดไว้ในหมวด 4

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3