คำอธิบาย พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540

115 คาอธิบายพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ข้อสังเกต บทบัญญัติที่ว่า “คาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้เป็นที่สุด ” ตามมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 หมายความว่า คาวินิจฉัย ของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีผลผูกพัน “หน่วยงานของรัฐ” ให้ต้องปฏิบัติตาม โดยหน่วยงานของรัฐจะนาคาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ไปอุทธรณ์ต่อ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ หรือไปฟูองคดีต่อศาลไม่ได้ (คาสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 686/2548) แต่สาหรับ “ประชาชนที่ขอข้อมูลข่าวสารของราชการ” นั้น คาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผย ข้อมูลข่าวสารมิได้เป็นที่สุด กล่าวคือ สามารถฟูองคดีต่อศาลปกครองได้ นอกจากนั้น ในการมีคาวินิจฉัย คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารจะมีข้อสังเกต เสนอต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีใด ตามที่เห็นสมควรก็ได้ ตามมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 คาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 89/2556 บทบัญญัติที่ว่า คาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการเป็นที่สุด ตามมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. 2540 หมายความว่า คาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร มีผลผูกพันหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ต้องปฏิบัติตาม โดยหน่วยงานทางปกครองและ เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่กระทาการใด ๆ อันเป็นการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้แตกต่างไปจากคาวินิจฉัยของ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสาร ได้มีคาวินิจฉัยให้เทศบาลเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งสาเนาที่มีคารับรองถูกต้องให้แก่ผู้ฟูองคดี นายกเทศมนตรีในฐานะเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทาการแทนเทศบาล จึงมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามคาวินิจฉัยของ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวอย่างถูกต้องและครบถ้วน การที่นายกเทศมนตรี ตัดทอนเอกสารบางหน้าหรือข้อความบางส่วนออกไป รวมทั้งไม่ได้รับรองสาเนาถูกต้องในเอกสารให้แก่ ผู้ฟูองคดี จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกาหนดให้ต้องปฏิบัติ คาพิพากษาศาลปกครองสงสุดที่ อ. 1301/2563 ด้วยมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. 2540 กาหนดว่า คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีอานาจหน้าที่พิจารณา วินิจฉัยอุทธรณ์คาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 และมาตรา 37 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 กาหนดว่า คาวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้เป็นที่สุด ดังนั้น คาวินิจฉัยของคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารจึงมีผลผูกพันให้หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตาม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมีคาวินิจฉัยให้สานักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเปิดเผยสานวน เรื่องร้องเรียนให้แก่ผู้ฟูองคดี สานักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคาวินิจฉัยของ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าว เมื่อสานักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมิได้เปิดเผยข้อมูล ข่าวสารดังกล่าวให้แก่ผู้ฟูองคดี จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกาหนดให้ต้องปฏิบัติ

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3