เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561
2086 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 ประจ�าปี 2561 บทนา การประพันธ์เพลง เป็นกระบวนการสร้างสรรค์งานศิลปกรรมแขนงวิจิตรศิลป์ในส่วนของดุริยางคศิลป์ ถือว่าเป็นกระบวนการการขั้นสูงสุดของการศึกษาด้านศิลปะการดนตรี ึ่งได้ผ่านกระบวนการเรียนดนตรีในขั้นต่าง Ç มาตามลาดับ อันได้แก่ การจดจา การวิเคราะห์ สังเคราะห์ จึงถึงสูงสุดคือการสร้างสรรค์ เพลงไทยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ Ç คือ ประเภทเพลงหน้าพาทย์ ประเภทเพลงมโหรี ประเภทเพลงเรื่อง ประเภทเพลงหน้าพาทย์ เพลงหน้าพาทย์ หมายถึง เพลงที่บรรเลงประกอบกิริยาเคลื่อนไหว หรือกิริยาการเปลี่ยนแปลง ของมนุษย์ สัตว์ วัตถุต่าง Ç และอื่น Ç เช่น เดิน นอน วิ่ง กลายร่าง เกิดขึ้น สูญไป ไม่ว่าจะแลเห็นตัวตนโดนการแสดง โขน ละคร หรือกิริยาสมบัติที่แลไม่เห็นตัว เช่น การเชิญเทวดาให้เสด็จลงมาในพิธี ถ้าเป็นการบรรเลงประกอบกิริยานั้น Ç แล้ว เรียกว่า เพลงหน้าพาทย์ ทั้งสิ้น เพลงมโหรี หมายถึงเพลงที่เดิมใช้มโหรีประกอบการร้องส่ง มี 2 ประเภทคือ เพลง ตับ และเพลงเกร็ด เพลงเรื่อง มีอยู่ 2 ชนิดคือ เพลงเรื่องมโหรีกับเพลงเรื่องของปี่พาทย์ เพลงเรื่องมโหรีนั้นส่วนมาก มักจะมีเนื้อร้องอยู่ด้วย ส่วนเพลงเรื่องของวงปี่พาทย์หมายถึงการนาเพลงหลาย Ç เพลงมาร้อยติดต่อกันและบรรเลงรวด เดียวตั้งแต่ต้นจนจบ มี 3 ชนิดคือ เรื่องเพลงช้า เรื่องเพลงสองไม้ และเรื่องเพลงฉิ่ง ( มนตรี ตราโมท . 2540 : 42) ณรงค์ชัย ปิกรัชต์ (2557 : 61 ได้กล่าวว่า เพลงเรื่อง หมายถึงเพลงไทยลักษณะหนึ่งที่เน้นการบรรเลงตามแนว ทานองเพลงมากกว่าการขับร้อง มีแนวทานองใกล้เคียง มีความคล้ายคลึงกัน เป็นเพลงที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สอดคล้อง กับกิจกรรมที่กาหนดขึ้น เพลงเรื่องมีเพลงจานวนหลายเพลงมาเรียบเรียงเข้าเป็นสารับ เพื่อประโยชน์ในการบรรเลงงาน กิจกรรมต่าง Ç เพื่อการเรียนดนตรี เพื่อการ ึก้อม เพื่อเพิ่มทักษะปิบัติให้แก่นักดนตรี เพลงเรื่องจาแนกได้หลาย รูปแบบ เช่น ประเภทปรบไก่ที่เรียกว่าเพลงช้า ประเภทเพลงสองไม้ ประเภทเพลงเร็ว ประเภทเพลงฉิ่ง เป็นต้น เห็นได้ว่าเพลงเรื่องนั้นเป็นเพลงหมวดสาคัญที่นักดนตรีไทยต้องศึกษา เพื่อให้แตกฉานในทางเพลงและยังถือ ว่าเป็นวัตถุดิบที่จะใช้เป็นเพลงมูลานในการสร้างสรรค์เพลงอื่น Ç ไม่ว่าจะเป็นเพลงสามชั้น เพลงเถา เพลงโหมโรง เพลงเรื่องที่ใช้บรรเลงในปัจจุบันนั้นล้วนเป็นเพลงเรื่องที่โบราณจารย์ได้สร้างสรรค์ไว้ตามประสบการณ์แห่งสุนทรียร สในอดีต ใช้ประกอบกิจกรรมทางศาสนาเป็นสาคัญ แต่ทว่าไม่นิยมสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ผู้วิจัยจึงมีความคิดที่จะสร้างสรรค์เพลงเรื่องขึ้นใหม่โดยอาศัยกระบวนองค์ความรู้ที่ได้ศึกษามา อาศัยเค้าโครง ทานองจากเพลงประจามหาวิทยาลัยทักษิณสร้างสรรค์ในรูปแบบเพลงเรื่อง ึ่งการประพันธ์เพลงที่แต่งขยายจากเพลง สถาบันนั้นนักประพันธ์เพลงไทยส่วนใหญ่มักจะประพันธ์เป็นเพลงประเภทเพลงโหมโรง ประเภทเพลงเถา เช่นเพลง โหมโรงมหาจุ¯าลงกรณ์ ของครูเทวาประสิทธิÍ พาทยโกศล เป็นต้น ยังไม่มีท่านใดประพันธ์ในรูปแบบของเพลงเรื่องใน ลักษณะเพลงไทย ประเภทเพลงเรื่อง จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะเป็นผู้บุกเบิกการประพันธ์ในลักษณะดังกล่าวนี้ มหาวิทยาลัยทักษิณ ได้จัดทาเพลงประจามหาวิทยาลัยมีจานวนทั้งหมด 9 ึ่งแต่ละเพลง ก็จะมีความหมาย เนื้อร้อง และทานองที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเพลงได้แตกต่างกันออกไป ได้แก่ เพลงมาร์ชมหาวิทยาลัยทักษิณ เพลงขวัญตา¢้าเทา เพลงร่มปาริชาต เพลงตะลุงรับขวัญ เพลงทักษิณถิ่นรัก เพลงอยากราด้วย เพลงอาลัยปาริชาต เพลงลาเพื่อน เพลงทักษิณถวายชัยจอมราชัน เพลงทั้งหมดที่กล่าวมานี้มีทานองที่ไพเราะแต่ละเพลงสื่ออารมณ์แตกต่าง กันไปตามแต่ละบริบท จึงเป็นแรงบันดาลใจในการคิดสร้างสรรค์ประพันธ์เพลงไทย ประเภทเพลงเรื่องในรูปแบบเพลง ช้า โดยให้ชื่อว่า “เพลงช้าเรื่องปาริชาต”
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3