เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561
51 งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสังคมที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (Research and Innovation for Social Stability, Prosperity and Sustainability) ผลและการอภิปรายผลการวิจัย งานวิจัยนี้ทาศึกษาการผลิตกระถางเพาะชาชีวภาพจากกากกาแฟผสมปูนขาวจากเปลือกหอย มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการขึ้นรูปกระถางเพาะชา ศึกษาองค์ประกอบทางกายภาพ และทางเคมีของวัตถุดิบและ กระถางเพาะชา ศึกษาคุณสมบัติบางประการของกระถางเพาะชา ได้แก่ การดูดซับน้าและการพองตัว ผลการศึกษา มี รายละเอียดดังนี้ 1. ผลการศึกษาองค์ประกอบทางกายภาพและเคมีของวัตถุดิบ งานวิจัยนี้ทาการศึกษาองค์ประกอบทางกายภาพและเคมีของวัตถุดิบ ได้แก่ กากกาแฟและปูนขาวจากเปลือก หอย ผลการศึกษาความเป็นกรด - ด่าง (pH) พบว่า กากกาแฟและปูนขาวจากเปลือกหอยมีค่า pH เท่ากับ 5.83 และ 7.13 ตามลาดับ สาหรับค่าความชื้นของกากกาแฟและปูนขาวจากเปลือกหอย เท่ากับ 17.31 เปอร์เซĘนต์ และ 7.35 เปอร์เซĘนต์ ตามลาดับ ปริมาณอินทรียวัตถุ ( OM) พบว่า กากกาแฟและปูนขาวจากเปลือกหอยมีปริมาณอินทรียวัตถุ เท่ากับ 1.440 เปอร์เซĘนต์ และ 0.114 เปอร์เซĘนต์ ตามลาดับ นอกจากนี้ผู้วิจัยยังมีการศึกษาธาตุอาหารและองค์ประกอบต่าง ė ใน วัตถุดิบ โดยอ้างอิงผลการศึกษาจากงานวิจัย ความเป็นไปได้ของการผลิตกระถางย่อยสลายได้จากกากกาแฟผสมปูนขาว จากเปลือกหอย [1] ผลการศึกษาแสดงดังตารางที่ 1 ตารางทีęǰ 1 องค์ประกอบทางกายภาพและเคมีของกากกาแฟและปูนขาวจากเปลือกหอย จากผลการศึกษาจะเหĘนได้ว่า กากกาแฟยังมีปริมาณธาตุอาหารหลงเหลืออยู่ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่ ทาการศึกษา ผลของการใช้วัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของกากกาแฟต่อการงอกและการเจริญเติบโตของต้นกล้ามะเขือเทศ [7] พบว่า กากกาแฟมีอินทรียวัตถุและธาตุไนโตรเจนซึ่งช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้ กากกาแฟเป็นส่วนที่เหลือทิ้ง จากการทากาแฟสด มีไนโตรเจนประมาณ 2 เปอร์เซĘนต์โดยปริมาตร มี pH อยู่ระหว่าง 6.5-6.8 และมีส่วนช่วยฟŚŪนฟู โครงสร้างของดิน กากกาแฟมีค่าคาร์บอนต่อไนโตรเจนเป็น 11:1 เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมสาหรับพืชและธาตุอาหารในดิน นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัย ความเป็นไปได้ของการใช้กากกาแฟเป็นสารช่วยในการกระจายตัวของซิลิกาในยาง ธรรมชาติ [8] โดยมีการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของกากกาแฟด้วยเครื่อง XRF (X-ray fluorescence) พบว่า กากกาแฟยังมี C Na 2 O MgO Al 2 O 3 SiO 2 SO 3 Cl K 2 O CaO MnO และ Fe 2 O 3 หลงเหลืออยู่ สาหรับปูนขาวจาก เปลือกหอยที่ผู้วิจัยเลือกใช้กĘยังมีธาตุอาหารหลงเหลืออยู่เช่นกัน แสดงให้เหĘนว่ากากกาแฟและปูนขาวจากเปลือกหอย สามารถนามาใช้เป็นวัตถุตั้งต้นในการผลิตกระถางเพาะชาชีวภาพได้ 2. ผลการศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมในการอัดขึ้นรูปกระถางเพาะชาจากกากกาแฟผสมปูนขาวจากเปลือกหอย งานวิจัยนี้เลือกใช้กากกาแฟ ปูนขาวจากเปลือกหอยเป็นวัตถุดิบตั้งต้น และใช้กาวแป้งเปียกเป็นวัสดุประสาน อัตราส่วนของกากกาแฟ:ปูนขาว:กาวแป้งเปียก ทั้งหมด 7 อัตราส่วน ได้แก่ 10:0:3 8:2:3 7:3:3 6:4:3 5:5:3 4:6:3 และ 0:10:3 ทาการขึ้นรูปอัตราส่วนละ 3 ซ้า ผลการขึ้นรูปกระถางเพาะชาชีวภาพ แสดงดังตารางที่ 2 จากตารางที่ 2 ผลการศึกษาการอัดขึ้นรูปกระถางเพาะชาชีวภาพจากกากกาแฟผสมปูนขาวจากเปลือกหอย แสดงให้เหĘนว่า อัตราส่วนกากกาแฟ:ปูนขาว:กาวแป้งเปียก เท่ากับ 10:0:3 ไม่สามารถขึ้นรูปกระถางได้เตĘมใบ คิดเป็น 100 เปอร์เซĘนต์ สาหรับที่อัตราส่วนกากกาแฟ:ปูนขาว:กาวแป้งเปียก เท่ากับ 0:10:3 ขึ้นรูปได้แต่มีลักษณะไม่เตĘมใบ และยัง ขึ้นรูปได้เพียงส่วนก้นกระถางเท่านั้น คิดเป็น 100 เปอร์เซĘนต์ อัตราส่วนกากกาแฟ:ปูนขาว:กาวแป้งเปียก เท่ากับ 8:2:3 7:3:3 6:4:3 5:5:3 และ 4:6:3 สามารถขึ้นรูปได้มีลักษณะเตĘมใบในทุก ė อัตราส่วน คิดเป็น 100 เปอร์เซĘนต์ จากผลการศึกษาข้างต้น แสดงให้เหĘนว่า กระถางเพาะชาชีวภาพจากการผสมระหว่างกากกาแฟกับปูนขาวจากเปลือกหอย สามารถขึ้นรูปได้ดีกว่าการใช้กากกาแฟหรือปูนขาวจากเปลือกหอยเพียงอย่างเดียว และอัตราส่วนของกากกาแฟ:ปูนขาว:
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3