เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561

910 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 ประจ�าปี 2561 3.3) ความถ่วงจาเพาะ (ถ . พ . ) ควรอยู่ประมาณ 1.24 – 1.25 แต่ถ้าต่ากว่า 1.24 ถือว่าผิดปรกติอาจมี สาเหตุมาจากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม ĀมายเĀตč ค่า CCA (Cold cranking amp) คือ ค่ากระแสไฟสูงสุดที่แบตเตอรี่ลูกนั้นสามารถจ่ายกระแสออกมาได้ในช่วงที่มีการ สตาร์ทรถยนต์ช่วงสั้นė ซึ่งค่า CCA ของแบตเตอรี่แต่ละรุ่นนั้นมีค่ามาตรฐานที่ต่างกันแต่ทุกยี่ห้อจะต้องมีค่าไฟไม่ต่ากว่าค่ามาตรฐาน ที่กาหนดไว้ตามระบบสากล การปรับสภาพก่อนการฟื้นฟูแบตเตอรี่ นาตัวอย่างแบตเตอรี่มาปรับสภาพโดยเทสารอิเล็กโทรไลต์ที่อยู่ภายในออกให้หมด จากนั้นเติมน้าเดือดใส่ในช่อง แบตเตอรี่ให้ครบทุกช่องแล้วเขย่าแบตเตอรี่จนแน่ใจว่าสะอาดแล้วให้แล้วเทน้าออก นาแบตเตอรี่รถยนต์มาเติมน้ากลั่น 150 mL ลงในแต่ละช่องของแบตเตอรี่ ส่วนกรณีแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ให้เติมน้ากลั่น 20 mL ลงในแต่ละช่องของแบตเตอรี่ (เติมให้ถึงระดับ UPPER ) แล้วใช้ไăโดรมิเตอร์วัดอีกครั้ง ถ้าอยู่ในระดับสีเขียวแล้วสามารถนามาใช้ได้เลย แต่ถ้ายัง ไม่ถึง ระดับสีเขียวให้ทาการปรับปริมาตรไปเรื่อยėจนถึงระดับสีเขียว ดังภาพที่ 1 และภาพที่ 2 ภาพที่ 1 ขีดระดับสูงสุดที่มีการแนะนาในการเติมสารละลายของแบตเตอรี่ ภาพที่ 2 การใช้ไăโดรมิเตอร์เพื่อวัดค่าความถ่วงจาเพาะ การตรวÝสอบสภาพการĔßšÜาน×อÜแบตเตอรี่ĀลัÜการปรับสภาพและฟื้นฟูแบตเตอรี่ การฟื้นฟูแบตเตอรี่ในงานวิจัยนี้ใช้สารละลาย 3 ชนิด ได้แก่ กรดซัลฟิวริก ( H 2 SO 4 ) ( Assay 51% J.T.baker) แมกนีเซียมซัลเฟต ( MgSO 4 ) ( Assay 70% UNILAB) และกรดเอทิลีนไดเอมีนเตตระอะซิติก ( EDTA) ( Assay 99% Sclarlau) มีการทดลองดังนี้ 1. ) นาสารละลายฟื้นฟูแบตเตอรี่ที่ความเข้มข้น 0.1 M 0.2 M และ 0.3 M ตามลาดับ ปริมาตร 100 mL เติมไป ในช่องเซลล์ของแบตเตอรี่โดยเติมให้ถึงระดับ UPPER แล้วตั้งทิ้งไว้ 10 นาที 2. ) นาแบตเตอรี่ไปชาร์ตกระแสไฟฟ้า 6V โดยใช้เครื่องชาร์ตไฟฟ้ากระแสตรง ( Lion 6A-N) ที่เวลา 60 นาที แล้ว ตรวจสอบวัดค่าต่างėของแบตเตอรี่ ได้แก่ กระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ ความต้านทาน ความถ่วงจาเพาะ CCA pH และ อุณหภูมิ 3.) ทาซ้า 3 ครั้ง โดยเปลี่ยนแปลงสภาวะการศึกษาเป็นความเข้มข้น 0.2 M และ 0.3 M ตามลาดับ และเปลี่ยน ระยะเวลาในการชาร์ตเป็น 120 และ 180 นาที ตามลาดับ ĀมายเĀตč การเติมสารเคมีที่ใช้ฟื้นฟู สาหรับแบตเตอรี่รถยนต์จะเติมประมาณ 150 mL และสาหรับแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์จะเติม ประมาณ 10 mL การĀาประสĉทíĉภาพ×อÜแบตเตอรี่ การหาประสิทธิภาพหลังจากการฟื้นฟูแบตเตอรี่ด้วยกรดซัลฟิวริก แมกนีเซียมซัลเฟต และกรดเอทิลีนไดเอมีนเต ตระอะซิติก ( EDTA) สามารถคานวณได้ดังนี้ [9] Charge from discharging Charge efficiency = ×100 Charge consumed charging เมื่อ Charge efficiency คือ ประสิทธิภาพของกระแสไฟฟ้าที่ผ่านเข้าไปในแบตเตอรี่ Charge from discharging คือ ค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้ Charge consumed charging คือ ค่ากระแสไฟฟ้าสูงสุดของแบตเตอรี่ลูกนั้น ขีดระดับสูงสุดที่มีการแนะนาในการ เติมสารละลายของแบตเตอรี่

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3