เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561
912 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 ประจ�าปี 2561 Discharge Charge ความเข้มข้นและระยะเวลาในการชาร์ตกระแสไฟฟ้ามีผลต่อการฟื้นฟูแบตเตอรี่เนื่องจากสามารวัดค่าของการจ่าย กระแสไฟฟ้าออกมาได้ โดยเมื่อชาร์ตกระแสไฟฟ้า 6 V ที่เวลาคงที่ 60 นาที และเมื่อเปลี่ยนระยะเวลาในการชาร์ต กระแสไฟฟ้า 6 V ที่เวลา 60, 120 และ 180 นาทีตามลาดับที่ความเข้มข้นเดียวกันพบว่าที่ความเข้มข้น 0.3 M จะให้ค่า การจ่ายกระแสไฟฟ้าและอุณหภูมิภายในแบตเตอรี่สูงสุด จึงส่งผลให้ค่าอื่นėที่วัดได้ ได้แก่ ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า ค่าความ ต้านทาน และค่า CCA เพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับความเข้มข้นที่ 0.2 M และ 0.1 M ตามลาดับ ดังนั้นทั้งสองปŦจจัย ข้างต้นจึงมีผลทาให้แบตเตอรี่ที่ได้รับการฟื้นฟูมีสภาพการทางานที่ดีขึ้นซึ่งส่งผลให้แบตเตอรี่นั้นสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ออกมาใช้งานใหม่ได้ ปฏิกิริยาของการฟื้นฟูด้วยกรดซัลฟิวริกในระหว่างการคายประจุแผ่นตะกั่วทั้งสองจะทาปฏิกิริยากับ กรดซัลฟิวริกโดยมีสมการในการทาปฏิกิริยาดังต่อไปนี้ Anode PbSO 4 (s) + 2H 2 O (l) PbO 2 (s) + SO 4 2- (aq) + 4H + (aq) + 2e - Cathode : PbSO 4 (s) + 2e - Pb (s) + SO 4 2- (aq) ปฏิกิริยารวม : 2PbSO 4 (s) + 2H 2 O (l) PbO 2 (s) + Pb (s) + 2SO 4 2- (aq) + 4H + (aq) ดังนั้นจึงสามารถสรุปปฏิกิริยาของการฟื้นฟูแบตเตอรี่ด้วยกรดซัลฟิวริกได้ดังนี้ Pb (s) + PbO 2 (s) + 2H 2 SO 4 - (aq) 2PbSO 4 (s) + 2H 2 O (l) 2.2 การฟื้นฟูแบตเตอรี่ดšวยแมกนีเàียมàัลเฟต ได้ผลการทดลองดังตารางที่ 3 ตาราÜที่ 3 ผลการตรวจสภาพหลังจากฟื้นฟูแบตเตอรี่ด้วยแมกนีเซียมซัลเฟต หมายเหตุ ค่าความถ่วงจาเพาะ (ถ.พ.) เÞลี่ย และ ค่า pH เÞลี่ย ได้จากการวัดในแต่ละช่องของแบตเตอรี่ สารละลายแมกนีเซียมซัลเฟตจะเป็นกรดน้อยลงซึ่งจากผลการทดลองพบว่าการศึกษาปŦจจัยความเข้มข้นที่มีผล ต่อการฟื้นฟูแบตเตอรี่นั้นเมื่อชาร์ตกระแสไฟฟ้า 6 V ที่เวลาคงที่ 60 นาที พบว่า ที่ความเข้มข้น 0.3 M จะมีค่าการจ่าย กระแสไฟฟ้าสูงที่สุด (แบตเตอรี่รถยนต์ 14.16 A และแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ 18.37 A ) รองลงมาได้แก่ ที่ความเข้มข้น 0.2 M (แบตเตอรี่รถยนต์ 12.26 A และแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ 12.16 A ) และ 0.1 M (แบตเตอรี่รถยนต์ 6.52 A และ แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ 5.12 A ) ตามลาดับ เมื่อเปลี่ยนสภาวะของการศึกษาที่ความเข้มข้นเท่ากันโดยเปลี่ยนระยะเวลา ในการชาร์ตกระแสไฟฟ้า 6 V ที่เวลา 60, 120 และ 180 นาทีตามลาดับ พบว่า ความเข้มข้น 0.3 M ชาร์ตกระแสไฟฟ้าที่ 180 นาที จะมีค่าการจ่ายกระแสไฟฟ้าสูงที่สุด (แบตเตอรี่รถยนต์ 20.16 A และแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ 19.82 A ) รองลงมาได้แก่ ความเข้มข้น 0.2 M ชาร์ตกระแสไฟฟ้าที่ 120 นาที (แบตเตอรี่รถยนต์ 13.28 A และแบตเตอรี่ รถจักรยานยนต์ 12.61 A ) และ 0.1 M ชาร์ตกระแสไฟฟ้าที่ 60 นาที (แบตเตอรี่รถยนต์ 7.90 A และแบตเตอรี่ รถจักรยานยนต์ 5.20 A ) ตามลาดับ จากผลการทดลองข้างต้นสามารถสรุปผลได้ว่าความเข้มข้นและระยะเวลาในการชาร์ต กระแสไฟฟ้ามีผลต่อการฟื้นฟูแบตเตอรี่เนื่องจากสามารถวัดค่าของการจ่ายกระแสไฟฟ้าออกมาได้โดยเมื่อชาร์ต กระแสไฟฟ้า 6 V ที่เวลาคงที่ 60 นาที และเมื่อเปลี่ยนระยะเวลาในการชาร์ตกระแสไฟฟ้า 6 V ที่เวลา 60, 120 และ 180 นาทีตามลาดับที่ความเข้มข้นเดียวกันพบว่าที่ความเข้มข้น 0.3 M จะให้ค่าการจ่ายกระแสไฟฟ้าและอุณหภูมิภายใน แบตเตอรี่สูงสุด จึงส่งผลให้ค่าอื่นėที่วัดได้ ได้แก่ ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า ค่าความต้านทาน และค่า CCA เพิ่มมากขึ้นด้วย แบตเตอรี่ ความ เข้มข้น ( M ) A V ( 20 K ) CCA ถ . พ . (เÞลี่ย) pH (เÞลี่ย) T ( ◦ C ) เวลา แช่ (นาที) เวลา ชาร์ต (นาที) รถยนต์ 2 0.1 6.52 12.60 1.17 98 1.24 2.20 30.6 10 60 7.90 13.11 1.15 108 1.24 2.19 32.2 10 60 0.2 12.26 14.23 1.14 143 1.24 2.30 35.5 10 60 13.28 14.76 1.09 167 1.24 2.30 37.5 10 120 0.3 14.16 15.20 1.12 171 1.24 2.50 36.2 10 60 20.16 19.23 1.03 187 1.25 2.50 40.2 10 180 รถจักรยานยนต์ 2 0.1 5.12 8.37 1.10 11.23 1.24 2.20 30.8 10 60 5.20 8.36 1.06 11.30 1.25 2.19 30.8 10 60 0.2 12.16 9.46 1.07 10.87 1.24 2.30 32.4 10 60 12.61 9.56 1.03 13.87 1.24 2.30 35.3 10 120 0.3 18.37 11.25 0.96 12.14 1.26 2.40 37.1 10 60 19.80 12.05 0.92 15.14 1.24 2.40 39.6 10 180
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3