เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561

921 งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสังคมที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (Research and Innovation for Social Stability, Prosperity and Sustainability) 6 สุดและรองลงมาคือตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากเปลือกเงาะ, ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากใบฝรั่งและน ้าเสีย ที่ไม่ผ่านการบ้าบัดตามล้าดับ จาการทดลองแสดงให้เห็นว่าสารสกัดแทนนินจากเปลือกเงาะมีค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน ้าสูงกว่า สารสกัดแทนนินจากใบฝรั่งซึ่งจากการวัดค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่น ้าพบว่า ตัวอย่างน ้าเสียที่ผ่านการบ้าบัดจากสาร สกัดแทนนินจากพืช 2 ชนิดท้าให้มีค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน ้าสูงขึนเมื่อเทียบกับน ้าเสียที่ไม่ผ่านการบ้าบัด ส่วนการวัดค่า pH ตัวอย่างน ้าเสีย, ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารส้ม และตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจาก ใบฝรั่งและเปลือกเงาะ พบว่ามีค่า pH เท่ากับ 6.36, 4.99, 5.20 และ5.77 ตามล้าดับ ซึ่งมาตรฐานควบคุมการระบายน ้า ทิงจากระบบบ้าบัดน ้าเสียโดยรวมของชุมชนต้องมีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 5.5-9.0 ซึ่งตัวอย่างน ้าเสียและ ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากเปลือกเงาะมีค่า pH อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ก้าหนด แต่ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารส้ม และตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากใบฝรั่งมีค่า pH ที่ต่้ากว่ามาตรฐานที่ก้าหนด ของแขĘงแขüนúอย จากการน้าตัวอย่างน ้าเสีย, ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารส้ม และตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจาก ใบฝรั่งและเปลือกเงาะมากรองเพื่อหาปริมาณของแข็งแขวนลอยที่ละลายอยู่ในน ้าตัวอย่างพบว่า ตัวอย่างน ้าเสียมีปริมาณ ของแข็งแขวนลอยที่ละลายอยู่มากที่สุดคือ 0.05 g ส่วนตัวอย่างน ้าที่ถูกบ้าบัดด้วยสารส้ม, ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสาร สกัดจากใบฝรั่งและตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากเปลือกเงาะ มีปริมาณของแข็ง แขวนลอยเท่ากัน คือ 0.02 g ซึ่ง ของแข็งแขวนลอยที่ได้มีลักษณะเป็นผงเล็กė สีน ้าตาลอ่อนė จะสังเกตได้ว่าลักษณะของตะกอนจากตัวอย่างน ้าเสียมี ลักษณะผงė สีน ้าตาล ส่วนตะกอนของน ้าเสียที่บ้าบัดด้วยสารส้มมีลักษณะผงเล็กė สีน ้าตาลอ่อนė และตะกอนของน ้าเสีย ที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากใบฝรั่งและเปลือกเงาะ มีลักษณะผงเล็กė สีน ้าตาลอ่อน จากการกรองหาปริมาณของแข็งแขวนลอยทังหมดพบว่าตัวอย่างน ้าเสียที่ไม่ผ่านการบ้าบัดมีปริมาณของแข็ง แขวนลอยที่ละลายอยู่ในน ้ามากที่สุดคือ 50 mg/l และตัวอย่างน ้าเสียที่ผ่านการบ้าบัดมีปริมาณของแข็งแขวนลอยที่ ละลายอยู่ในน ้า เท่ากับ 20 mg/l ซึ่งตัวอย่างน ้าเสียที่ผ่านการบ้าบัดจากสารสกัดแทนนินจากพืช 2 ชนิดท้าให้มีปริมาณ ของแข็งแขวนลอยในน ้าลดลง สรčðñúการüิÝัย จากการศึกษาหาปริมาณของแทนในสารสกัดจากใบฝรั่งโดยใช้ตัวท้าละลายเอทานอลในอัตราส่วน 1:3 ที่อุณหภูมิห้อง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนเปลือกเงาะจะใช้ตัวท้าละลายน ้าในอัตราส่วน 1:4 ที่อุณหภูมิ 90 o C เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และวิเคราะห์ปริมาณสารแทนนินโดยให้สารที่สกัดได้ท้าปฏิกิริยากับ folin clocalteu reagent แล้ววัดค่าการ ดูดกลืนแสงที่ความยาวคลื่น 734 nm พบว่าสารสกัดใบฝรั่งมีปริมาณสารแทนนินเท่ากับ 18.496 % (w/w) และสาร สกัดจากเปลือกเงาะมีปริมาณสารแทนนินเท่ากับ 33.224 % (w/w) แสดงว่าสารสกัดจากเปลือกเงาะมีปริมาณสารแทน นินมากกว่าสารสกัดจากใบฝรั่ง การศึกษาประสิทธิภาพการบ้าบัดน ้าเสียของของสารสกัดแทนนินจากใบฝรั่งและเปลือกเงาะในส่วนของ ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในแหล่งน ้า (DO) ตัวอย่างน ้าเสียมีค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน ้าที่ต่้ากว่ามาตรฐาน ก้าหนด และตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยด้วยสารสกัดจากเปลือกเงาะมีค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน ้าสูงกว่าตัวอย่างน ้า ที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากใบฝรั่ง ในส่วนของปริมาณของแข็งแขวนลอยตัวอย่างน ้าเสียที่บ้าบัดด้วยสารสกัดแทนนินมี ปริมาณของแข็งแขวนลอยที่ละลายอยู่ในน ้าเท่ากัน และลดลงเมื่อเทียบกับปริมาณของแข็งแขวนลอยที่ละ ลายอยู่ใน ตัวอย่างน ้าเสีย ส่วนการวัดค่า pH ของตัวอย่างน ้าพบว่า ตัวอย่างน ้าที่บ้าบัดด้วยสารสกัดจากใบฝรั่งและเปลือกเงาะมีค่า pH ที่ลดลง จากการทดลองพบว่าประสิทธิภาพการบ้าบัดน ้าเสียของของสารสกัดแทนนินจากใบฝรั่งและเปลือกเงาะ สามารถบ้าบัดน ้าเสียได้โดยวิธีการตกตะกอนของสารแขวนลอย โดยดูได้จากค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน ้าที่สูงขึน เมือเทียบกับตัวอย่างน ้าเสีย และจากปริมาณของแข็งแขวนลอยที่ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ปุณณาณี (2554) ใน สารสกัดหยาบใบฝรั่งและเปลือกเงาะมีสารแทนนิน ซึ่งสารแทนนินมีคุณสมบัติในการตกตะกอนกับโปรตีนประเภทต่างė และสามารถตกตะกอนโลหะหนักบางชนิด เช่น เหล็ก ตะกั่ว และสังกะสีได้ เพื่อใช้เป็นสารสร้างตะกอนในการบ้าบัด น ้าเสีย ดังนันสารสกัดแทนนินจากพืช 2 ชนิดสามารถบ้าบัดน ้าเสียได้

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3