เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561
932 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 ประจ�าปี 2561 รูปทĊę 1 ตัวอย่างหญ้าแห้วหมูส่วนหัวและ ล้าต้นเหนือพื้นดิน บทน้า ปŦจจุบันมีการน้าสารสังเคราะห์มาใช้ในการถนอมอาหารมากขึ้น เช่น Propyl Gallate (PG), Butylated hydroxynisole (BHA), Butylated hydroxytoluene (BHT) และ Tertiary butyl hydroquinone (TBHQ เพื่อลดการ เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันในอาหารที่เปŨนสาเหตุท้าให้เกิดการเสื่อมด้านคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการของ อาหาร นอกจากนั้นยังส่งผลต่อการเกิดกลิ่นหืนของอาหาร แต่สารสังเคราะห์เหล่านี้มีรายงานวิจัยว่าเปŨนสาเหตุที่ท้าให้เกิด โรคมะเร็งและเกิดการสะสมพิษในร่างกาย [1] ดังนั้นการศึกษาสารสกัดจากพืชเพื่อน้ามาใช้แทนสารสังเคราะห์จึงมีความจ้า เปŨนมากขึ้น โดยมีรายงานวิจัยพบว่าสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติในการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ได้แก่ สารในกลุ่ม สารประกอบฟีนอล สารฟลาโวนอยด์ สารแทนนินและสารประกอบกลุ่มไตรเทอร์พีน ซึ่งมีความสามารถในการต้านอนุมูล อิสระ โดยพบมากในพืชผักและผลไม้ [2] รวมทั้งหญ้าแห้วหมู ซึ่งเปŨนวัชพืชที่มีสรรพคุณทางยามากมาย [3, 4] และพบ รายงานวิจัยว่าเปŨนแหล่งของสารประกอบฟีนอลจ้านวนมาก จึงเปŨนสิ่งที่น่าสนใจต่อการน้ามาสกัดสารประกอบฟีนอลเพื่อ ใช้แทนสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันสังเคราะห์ [5] การวิเคราะห์เพื่อหาปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระในตัวอย่างประเภทต่างė วิธีที่นิยมได้แก่ การวิเคราะห์ฤทธิ์ ต้านอนุมูลอิสระด้วยวิธีการท้าลายอนุมูลอิสระ (DPPH radical scavenging method ซึ่งได้มีการน้าวิธีไปใช้ในการศึกษา ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในพืชต่างė [6, 7] วิธีฟอกสีอนุมูลอิสระเอบีทีเอส (radical cation decolorization assay) ซึ่งได้มี การน้าวิธีไปใช้ในการตรวจพบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารประกอบต่างė [8] และการวิเคราะห์ความสามารถในการรีดิวซ์ เฟอร์ริกของสารต้านอนุมูลอิสระ (FRAP assay) ซึ่งได้มีการน้าวิธีไปใช้ในการตรวจพบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจากสารสกัด เอทิลอะซิเทตและบิวทานอลของใบòรั่ง [9] ซึ่งทั้งสามวิธีนี้เปŨนวิธีที่ง่าย สะดวกและรวดเร็ว แต่ FRAP assay สารละลายที่ ใช้อ้างอิงตองใช้น้้าปราศจากไอออน ดังนั้นในงานวิจัยนี้จึงสนใจน้าส่วนของหัวและล้าต้นเหนือพื้นดินของหญ้าแห้วหมูมาสกัดโดยใช้น้้าและเอทานอล เปŨนตัวท้าละลาย แล้วน้ามาหาปริมาณสารประกอบฟีนอลรวม ศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยวิธี DPPH radical scavenging และเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างสารสกัดส่วนหัวและล้าต้นเหนือพื้นดินของหญ้าแห้วหมูในการยับยั้ง ปฏิกิริยาออกซิเดชันในน้้ามันหมู โดยวิธีการวิเคราะห์ค่าเปอร์ออกไซด์ วิíĊการวิÝัย การเêรĊยมêัวอย่างหญ้าแห้วหมู : น้าตัวอย่างหญ้าแห้วหมูส่วนหัวและ ล้าต้นเหนือพื้นดิน รูปที่ 1) มาน้้าหนักแล้วหั่นเปŨนชิ้นเล็กė ปŦũนให้ ละเอียด น้าไปอบที่ 5 องศาเซลเซียส เปŨนเวลา 6 ชั่วโมง ตั้งให้เย็นที่ อุณหภูมิห้อง แล้วเก็บตัวอย่างใส่ในถุงอลูมิเนียมฟอยด์ เก็บรักษาไว้ที่ อุณหภูมิประมาณ องศาเซลเซียส การเêรĊยมน้้ามันหมู : น้ามันหมูชนิดมันเปลวมาหั่นเปŨนชิ้นบางė แล้ว น้าไปให้ความร้อน กรองน้้ามันที่ได้ ตั้งให้เย็นแล้วน้าไปกรองซ้้าผ่านผ้า ขาวบาง บรรจุในภาชนะปŗดสนิทและเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 4 องศาเซลเซียส เมื่อต้องการน้าน้้ามันที่เก็บไว้มาทดสอบ ให้น้าน้้ามันไปหลอมละลายใหม่อีกครั้ง โดยการให้ความร้อน การสกัดหญ้าแห้วหมู : น้าหญ้าแห้วหมูแห้งปŦũนละเอียด 40.00 กรัม สกัดแช่ในตัวท้าละลายน้้าและเอทานอล 15% , 45%, 75% และ 5% เปŨนเวลา 3 วัน ที่อุณหภูมิห้อง และสกัดซ้้าอีกสองครั้ง จากนั้นน้าสารสกัดทั้งหมดไประเหยตัวท้าละลาย ด้วยเครื่อง vacuum evaporator (BUCHI) ที่ 50 องศาเซลเซียส ความดัน 60 มิลลิบาร์ และปรับปริมาตรด้วยเอทานอล สารให้ครบ 25 มิลลิลิตร และเก็บสารสกัดที่ -4 องศาเซลเซียส
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3