เอกสารประชุมวิชาการระดับขาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 2561

940 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 28 ประจ�าปี 2561 บทนา ปŦจจุบันจานวนผู้ปśวยโรคเบาหวานในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มมากขċ้น โดยในการรักษาทาได้โดยการรับประทาน ยาต้านโรคเบาหวาน หรือÞีดฮอร์โมนอินซูลินให้ผู้ปśวย เพื่อลดระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในสภาวะปกติ แต่เนื่องจากยาและ ฮอร์โมนดังกล่าวค่อนข้างมีราคาสูง ประกอบกับความเหลื่อมล้าทางเศรษåกิจและสังคมส่งผลให้ผู้ปśวยส่วนหนċ่งไม่ได้รับการ รักษา ซċ่งร่างกายของมนุษย์มีกระบวนการย่อยอาหารโดยเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตไปเป็นน้าตาล โดยใช้เอนไซม์จากตับอ่อน และลาไส้เล็กมาย่อยน้าตาลโมเลกุลคู่ให้กลายเป็นโมเลกุลเดี่ยว เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซċมไปใช้ประโยชน์ในกระบวนการ ต่าง ė แต่สาหรับผู้ปśวยโรคเบาหวานจะมีระดับน้าตาลในเลือดสูงกว่าคนปกติ และมากกว่าความต้องการของร่างกาย หาก สามารถยับยั้งหรือชะลอการทางานของเอนไซม์ในการย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตได้ ก็จะส่งผลดีต่อผู้ปśวยโรคเบาหวาน โดยเอนไซม์ชนิดหนċ่งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวคือ เอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส นอกจากนี้พบว่าในผู้ปśวย โรคเบาหวานมีภาวะอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มมากขċ้นกว่าคนปกติ ซċ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นต้นเหตุของโรคต่าง ė ตามมา เช่น เซลล์เสื่อมสภาพเร็วกกว่าปกติ ผิวหนังเหี่ยวย่น และกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง และปŦâหาที่สาคัâคือ ในผู้ปśวย โรคเบาหวาน หากเป็นแผล หรือมีบาดแผลอาจจะหายช้ากว่าคนปกติและอาจลุกลามได้ง่าย เนื่องจากในกระแสเลือดของ ผู้ปśวยมีระดับน้าตาลสูง ส่งผลให้จุลินทรีย์สามารถใช้เป็นแหล่งอาหารและเพิ่มปริมาณได้อย่างรวดเร็ว จนทาให้เกิดอาการ แทรกซ้อนอื่น ė ตามมา จากปŦâหาต่าง ė ที่พบในผู้ปśวยเบาหวาน ทั้งปŦâหาระดับน้าตาลในเลือด ปŦâหาอนุมูลอิสระใน ร่างกาย และปŦâหาแผลติดเชื้อที่พบได้ง่ายในผู้ปśวย จċงเป็นที่มาของการศċกษานี้ ก่อนหน้านี้มีรายงานการศċกษาพืชสมุนไพร หลายชนิดในประเทศไทยที่นิยมใช้ในผู้ปśวยโรคเบาหวาน และพบว่าสารสกัดจากพืชสมุนไพรมีศักยภาพในการยับยั้ง เอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านจุลินทรีย์ก่อโรคได้ดี แต่อย่างไรก็ตามการรักษาโรคเบาหวานใน ปŦจจุบันยังต้องใช้ยาแผนปŦจจุบัน เนื่องจากผู้ปśวยมีอาการอื่น ė ร่วมด้วยดังที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นนักวิจัยจċงพยายามมอง หาแหล่งทางเลือกใหม่ ė ที่มีศักยภาพในการรักษาทั้งปŦâหาระดับน้าตาล ปŦâหาอนุมูลอิสระ และปŦâหาแผลติดเชื้อ โดย พืชที่สนใจศċกษาในงานวิจัยนี้คือ มะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่ ซċ่งจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนċ่ง มีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ประกอบด้วยสารพฤกษเคมีหลายชนิด เช่น สารประกอบฟีโนลิก แอนโทไซยานิน วิตามิน และแร่ธาตุอื่น ė [1] สารเหล่านี้ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ประกอบกับมีรายงานการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชชนิดนี้ไม่มากนัก โดยพบว่าสารสกัดจากผลมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ก่อโรคและต้านอนุมูลอิสระได้ดี ซċ่งถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ นอกจากนี้บริเวณ ที่ศċกษายังไม่มีรายงานหรือการศċกษามาก่อน ดังนั้นในงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศċกษาสารสกัดหยาบจากผลของมะม่วง ไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่ ในการยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรค ยับยั้งอนุมูลอิสระ และยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูซิเดส นอกจากนี้ยัง ตรวจสอบสารพฤกษเคมีเบื้องต้น เพื่อประเมินกลุ่มของสารที่พบในสารสกัดหยาบ วัสดุ อุðกรè์ และวิธีการดาเนินการ 1. การเตรียมสารสกัดหยาบ นาผลมะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่ตากแห้งเป็นเวลา วัน จากนั้นนาผลที่แห้งมาปŦũนละเอียดและนาไปแช่ด้วย ตัวทาละลายอินทรีย์ 3 ชนิด เริ่มจากแช่ในเฮกเซน เป็นเวลา วัน จากนั้นเทตัวทาละลายเฮกเซนออกและเก็บในขวดก้น กลม แช่ตัวอย่างด้วยทาละลายไดคลอโรมีเทนเป็นเวลา วัน จากนั้นเทตัวทาละลายออกใส่ในขวดก้นกลม และสุดท้ายแช่ ตัวอย่างด้วยเมทานอล เป็นเวลา วัน เทตัวทาละลายเมทานอลออกใส่ในขวดก้นกลม นาตัวทาละลายที่ได้ ไปทาให้แห้ง ด้วยเครื่อง rotary vacuum evaporator ที่อุณหภูมิประมาณ 45 องศาเซลเซียส จะได้สารสกัด ส่วน คือ เฮกเซน ได คอลโรมีเทน และเมทานอล นาสารสกัดหยาบทั้งสามส่วน ละลายด้วย DMSO ให้ได้ความเข้มข้น 10 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร เพื่อเก็บไว้เป็น stock solution ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส เพื่อใช้ทดสอบฤทธิ์ทางชีวภาพต่อไป 2 . การเตรียมยาðäิชีวนะมาตรฐาน ทาการละลายยา vancomycin และ gentamicin ด้วยน้ากลั่นปราศจากเชื้อให้ได้ความเข้มข้น 16 มิลลิกรัมต่อ มิลลิลิตร ส่วนยา amphotericin B เตรียมที่ความเข้มข้น 10 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร จากนั้นเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส โดยยา vancomycin และ gentamicin จะใช้เป็นยามาตรåานสาหรับแบคทีเรียแกรมบวก และแบคทีเรีย แกรมลบ ตามลาดับ ส่วนยา amphotericin B จะใช้เป็นยามาตรåานสาหรับยีสต์ 3. การเตรียมเชČ้อทดสอบ จุลินทรีย์ที่ใช้ในการทดสอบประกอบด้วย แบคทีเรียแกรมบวก 2 สายพันธุ์ คือ Staphylococcus aureus ATCC25923 และ methicillin-resistant Staphylococcus aureus (MRSA) SK1 แบคทีเรียแกรมลบ 2 สายพันธุ์ คือ

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3