Proceeding2562
1057 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 29 ประจ�ำปี 2562 วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Petersen & Luxton, 1982; Anderson, 1987) ดังนั้น ค่าความสามารถในการย่อยสลาย ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ น้ําหนักสุทธิ ของกิ้งกือ และปริมาณอาหารที่กิ้งกือกิน จึงมีค่าสูงสุด เมื่อน้ําหนักสุทธิของกิ้งกือ และปริมาณอาหารที่กิ้งกือกินมีค่าสูงสุด จากการศึกษา พบว่า เมื่อให้อาหารสูตรควบคุม สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 และ สูตรที่ 3 ปุ๋ยมูลกิ้งกือมีปริมาณไนโตรเจน เฉลี่ยเท่ากับ 6.49 േ 0.63 % 6.02 േ 0.22 % 6.49 േ 0.97 % และ 6.83 േ 0.97 % ตามลําดับ ปริมาณไนโตรเจนในปุ๋ยมูลกิ้งกือ ทุกสูตรอาหารไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p<0.05) เนื่องจาก ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบของพืชประมาณร้อยละ 18 และปริมาณไนโตรเจนกว่าร้อยละ 80-85 ของไนโตรเจนทั้งหมดที่พบในพืชจะเป็นองค์ประกอบของโปรตีน ร้อยละ 10 เป็นองค์ประกอบของกรดนิวคลีอิก และร้อยละ 5 เป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโน แต่ธาตุไนโตรเจนมักสูญเสียได้ง่ายจาก การชะล้างในรูปของเกลือไนเตรท หรือเกิดการระเหยของแอมโมเนีย ซึ่งการระเหยของแอมโมเนีย (Ammonium volatilization) เป็นการสูญเสียไนโตรเจนจากดินทางหนึ่ง โดยอินทรีย์ไนโตรเจนในรูปของโปรตีน และ ยูเรียถูกเปลี่ยนรูปเป็น แอมโมเนียโดยการย่อยสลายของแบคทีเรีย และในสภาวะมีออกซิเจน แบคทีเรียจะสามารถออกซิไดซ์แอมโมเนียให้อยู่ในรูป ของไนเตรท และไนไตรต์ และแอมโมเนียมีโอกาสถูกกําจัดออกในรูปของก๊าซแอมโมเนีย (สุดารัตน์, 2559) จากการศึกษา พบว่า เมื่อให้อาหารสูตรควบคุม สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 และ สูตรที่ 3 ปุ๋ยมูลกิ้งกือมีปริมาณฟอสฟอรัส เฉลี่ยเท่ากับ 186.00 േ 29.30 mg kg -1 115.67 േ 14.84 mg kg -1 121.33 േ 19.55 mg kg -1 และ 125.33 േ 24.00 mg kg -1 ตามลําดับ ปริมาณของฟอสฟอรัสในปุ๋ยมูลกิ้งกือที่ได้รับอาหารสูตรควบคุม สูงกว่า สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 และ สูตรที่ 3 อย่างมี นัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) เนื่องจากฟอสฟอรัสที่พบในพืชอยู่ในรูปของฟอสเฟตไอออนที่ พบมากในท่อลําเลียงน้ํา เมล็ด ผล และ เซลล์พืช แต่ฟอสฟอรัส เป็นธาตุที่ถูกตรึง หรือเปลี่ยนเป็นสารประกอบได้ง่ายทําให้ละลายน้ําได้ยาก หากสภาพดินมีฤทธิ์ เป็นกรดต่ํากว่า 5.5 เหล็กไอออน และ อะลูมิเนียมไอออน จะเข้าทําปฎิกิริยากับฟอสเฟตไอออน ทําให้ธาตุฟอสฟอรัสถูกตรึงไว้ ในดิน (สุดารัตน์, 2559) ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ดิน พบว่า มีเพียงค่าpH จากปุ๋ยมูลกิ้งกือในสูตรควมคุม ที่มีค่า pH เฉลี่ยต่ํากว่า 5.5 การที่ธาตุฟอสฟอรัสถูกตรึงไว้ในดิน ส่งผลให้ปุ๋ยมูลกิ้งกือในสูตรควมคุม มีปริมาณของฟอสฟอรัสสูงที่สุด จากการศึกษา พบว่า เมื่อให้อาหารสูตรควบคุม สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 และ สูตรที่ 3 ปุ๋ยมูลกิ้งกือมีปริมาณโพเทสเซียม เฉลี่ยเท่ากับ 254.67 േ 37.85 mg kg -1 460.00 േ 10.00 mg kg -1 819.00 േ 117.93 mg kg -1 และ 905.33 േ 73.22 mgkg -1 ตามลําดับ ปริมาณของโพเทสเซียมในปุ๋ยมูลกิ้งกือทุกสูตรอาหาร มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) แสดง ให้เห็นว่าปริมาณโพเทสเซียม มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณขยะอินทรีย์ เนื่องจากโพแทสเซียมเป็นองค์ประกอบของพืช พบ มากในส่วนปลายยอด ปลายราก ตาข้าง ใบอ่อนใจกลางลําต้น และท่อลําเลียงอาหาร (สุดารัตน์, 2559) สรุปผลการวิจัย การศึกษาความสามารถในการย่อยสลาย และองค์ประกอบธาตุอาหารปุ๋ยมูลกิ้งกือกระบอกเหลืองที่ได้จากการย่อย สลายขยะอินทรีย์โดยแบ่งชุดการทดลองออกเป็น 4 ชุดการทดลอง โดยใช้ใบไม้ 10 กรัมทุกๆชุดการทดลอง แต่ละชุดการ ทดลองใช้ขยะอินทรีย์ในปริมาณที่แตกต่างกันคือ 0 20 40 และ 60 กรัม วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้วิธีวิเคราะห์ความ แปรปรวนทางเดียว ตามแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ และเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยโดยวิธี Tukey ที่ระดับ ความเชื่อมั่น 95% โดยโปรแกรม SPSS พบว่า อัตราการกินของกิ้งกือทุกๆสูตรอาหาร มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทาง สถิติ (p<0.05) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณขยะอินทรีย์ กิ้งกือที่ได้รับอาหารสูตรที่ 1 สูตรที่ 2 และ สูตรที่ 3 มี ความสามารถในการย่อยสลาย สูงกว่า สูตรควบคุมอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) ปริมาณไนโตรเจนในปุ๋ยมูลกิ้งกือทุกๆ สูตรอาหารไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p<0.05) ปริมาณฟอสฟอรัสในปุ๋ยมูลกิ้งกือที่ได้รับอาหารสูตรควบคุม สูงกว่า สูตรที่ 1 สูตรที่ 2 และ สูตรที่ 3 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) และปริมาณโพเทสเซียมในปุ๋ยมูลกิ้งกือทุกๆสูตรอาหาร มีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.05) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณขยะอินทรีย์ ซึ่งจากผลการทดลองที่ได้เมื่อ เปรียบเทียบกับ ปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K ) ของค่ามาตรฐานการวิเคราะห์ดิน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3