Proceeding2562

1592 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 29 ประจ�ำปี 2562 วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.1 ผู้วิจัยเข้าพบผู้สูงอายุโดยอธิบายรายละเอียดของงานวิจัย แจ้งสิทธิ์ที่ควรได้รับในการวิจัยแก่ผู้สูงอายุและ ญาติ เพื่อการตัดสินใจเข้าร่วมการวิจัย พร้อมทั้งตอบข้อซักถามหรือข้อสงสัยของผู้สูงอายุและญาติจนเข้าใจ หลังจากนั้นได้ สอบถามความสมัครใจในการเข้าร่วมวิจัย เมื่อผู้สูงอายุยินดีเข้าร่วมการวิจัย ผู้วิจัยได้ให้ผู้สูงอายุลงนามในหนังสือแสดงเจตนา ยินยอมเข้าร่วมวิจัย ซึ่งผู้สูงอายุสามารถยุติการให้ข้อมูล และถอนตัวได้ทุกเวลาถึงจะลงนามในหนังสือแสดงเจตนายินยอมเข้า ร่วมการวิจัยแล้วก็ตาม 2.2 ผู้วิจัยดาเนินการเก็บข้อมูลจากผู้สูงอายุ โดยนัดหมายเข้าสัมภาษณ์ในช่วงเวลาที่ผู้สูงอายุแต่ละคนสะดวก และเมื่อผู้สูงอายุพร้อมที่ จะให้ข้อมูล ผู้วิจัยสร้างสัมพันธภาพก่อนแล้วดาเนินการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ด้วยตนเอง โดยใช้เวลาในการสัมภาษณ์ประมาณ 15-30 นาที 2.3 เมื่อเสร็จสิ้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ ผู้วิจัยเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุและญาติ ซักถามข้อ สงสัยอีกครั้งและตอบข้อซักถามให้ผู้สูงอายุและญาติหายสงสัย 2.4 ผู้วิจัยตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลในแบบสัมภาษณ์และนาข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาลงรหัส วิเคราะห์ ข้อมูลผู้วิจัย ทั้งนี้ได้แบบสอบถามฉบับสมบูรณ์กลับมา90 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100ของแบบสอบถามทั้งหมด และนาไป วิเคราะห์ทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูล 1.วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปโดยใช้การแจกแจงค่าความถี่และร้อยละ 2.วิเคราะห์ระดับการรับรู้ภาวะสุขภาพและความพึงพอใจของผู้สูงอายุที่ออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้าช่อง ด้วยการหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้ดาเนินการพิทักษ์สิทธิ์กลุ่มตัวอย่าง โดยมีการชี้แจงวัตถุประสงค์ของการวิจัยให้ผู้ให้กลุ่มตัวอย่างทราบ และ มีการขออนุญาตในการเก็บข้อมูลโดยให้อิสระในการตัดสินใจเพื่อให้คาตอบไม่เป็นกา รบังคับ และให้ความมั่นใจแก่กลุ่ม ตัวอย่างในการนาเสนอข้อมูลการวิจัยเป็นภาพรวมและใช้เฉพาะการศึกษานี้เท่านั้น กลุ่มตัวอย่างมีสิทธิ์ในการที่จะไม่เข้าร่วม หรือออกจากการศึกษาวิจัยได้ทุกเวลา ผลการวิจัยและอภิปรายผลการวิจัย(Results and discussion) ผลการวิจัย 1.ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จานวน 83 คน คิดเป็นร้อยละ 92.22อายุระหว่าง60 - 69 มากที่สุด จานวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 63.33 ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรสคู่จานวน 52 คน คิดเป็นร้อยละ 57.78 เกือบ ทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ จานวน 88 คน คิดเป็นร้อยละ 97.78มีการศึกษาในระดับประถมศึกษามากที่สุด จานวน 43 คน คิด เป็นร้อยละ 47.78ส่วนใหญ่อาศัยกับสมาชิกในครอบครัวที่เป็นคู่สมรสจานวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 42.22เกือบทั้งหมดไม่สูบ บุหรี่/ไม่ดื่มสุราจานวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 95.56ไม่มีโรคประจาตัวเพียง 29 คน คิดเป็นร้อยละ 32. 22 ซึ่งกลุ่มตัวอย่างมี อาการของโรคดีขึ้นจากก่อนออกกาลังกายด้วยการราไทยบนตารางเก้าช่อง จานวน 45คน คิดเป็นร้อยละ 50.00 โดยส่วนใหญ่ ใช้ระยะเวลาในการออกกาลังกายช่วง 1-3 เดือนจานวน 60 คน คิดเป็นร้อยละ 66.67 และความถี่ในการออกกาลังกายด้วย ตารางเก้าช่อง1-3 ครั้ง/สัปดาห์ จานวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ64.44 2. การรับรู้ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุที่ออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้าช่อง ตาราง1 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดับการรับรู้ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุที่ออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้า ช่อง (N = 90) การรับรู้ภาวะสุขภาพ   ระดับการรับรู้ภาวะ สุขภาพ ด้านร่างกาย 4.00 0.48 มาก ด้านจิตใจ 3.91 0.58 มาก ด้านสังคม 4.04 0.57 มาก ด้านจิตวิญญาณ 3.97 0.56 มาก โดยรวม 4.33 0.51 มาก

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3