Proceeding2562
1594 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 29 ประจ�ำปี 2562 วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และแปลความหมายข้อมูลก่อนที่ส่งไปยังเซลล์ประสาทที่ทาหน้าที่สั่งงานและควบคุมการเคลื่อนไหวให้เป็นไปตามข้อมูลที่ส่ง มา (Motor Neuron) เป็นการพัฒนามาจากรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เป็นพื้นฐานเบื้องต้นของมนุษย์ นาไปสู่การกาหนดวิธีการ โดยใช้หลักการทางานของสมองมาควบคุมการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนเป็นลาดับอย่างต่อเนื่องเพื่อกาหนดโครงสร้างของสมอง ในการรับรู้เรียนรู้และพัฒนาการควบคุมการทางานของสมองให้มีแบบแผนเป็นขั้นตอนตามรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ถูกสร้าง ขึ้นหรือวางแผนไว้อย่างเป็นระบบ ทาให้ทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ ระบบประสาท และสามารถช่วยพัฒนา ทักษะรอบด้านตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออก อันเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการในการเรียนรู้ของสมอง ที่ถูกถ่ายโยง ไปสู่ความรู้สึกนึกคิดและบ่งบอกถึงระดับความเข้าใจ โดยแปลความหมายออกมาเป็นพฤติกรรมหรืออากัปกิริยาการ เคลื่อนไหวต่างๆของร่างกาย ดังนั้นการพยายามกระตุ้นร่างกายให้ปฏิบัติกิจกรรมเคลื่อนไหวรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือ หลากหลายรูปแบบอย่างเป็นระบบตามลาดับขั้นตอน จะช่วยนาไปสู่การปรับตัวและการพัฒนาการเรียนรู้ และการรับรู้ของ ระบบกลไกการเคลื่อนไหวซึ่งจะมีผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของสมอง ดังที่ Philuk (2009) รายงานว่า ตาราง 9 ช่อง คือ เครื่องมือเพื่อนาไปสู่การพัฒนาปฏิสัมพันธ์ในการเรียนรู้และการรับรู้สั่งงานของสมองช่วยประสานความสัมพันธ์ ระหว่างระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นและพัฒนาปฏิกิริยาความเร็วในการปฏิบัติทักษะการเคลื่อนไหว ความ รวดเร็วในการคิด และการตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นส่งผลให้ผู้สูงอายุรับรู้ถึงภาวะสุขภาพในระดับดี ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยเฉพาะด้านสังคมที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของKrabuanrat (2009)เรื่อง ผลของการออกกาลังกายและเพิ่มสมรรถภาพทางกาย พบว่า ในการกระตุ้นสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวาให้ทางานไปพร้อมๆ กัน จะทาให้การเชื่อมโยงความคิดของสมองดีขึ้น การใช้ดนตรี ศิลปะ และมิติสัมพันธ์มาส่งเสริมการจา ความสามารถในการ คิดวิเคราะห์ เหตุผล ภาษาจากเพลง จะพัฒนาความฉลาดทางสติปัญญา (Intelligence Quotient : IQ) การมีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดี ปรับตัวเข้ากับสังคม มองโลกในแง่ดีมีอารมณ์ที่สุนทรีย์ และยังช่วยพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ ( Emotional Quotient: EQ) ให้มีสมาธิและมีจิตใจสงบเยือกเย็น มีความเมตตากรุณา มีน้าใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ความฉลาดด้านจริยธรรมและ คุณธรรม รวมถึงเป็นการพัฒนาความฉลาดทางจริยธรรม (Moral Quotient:MQ) นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับผลการศึกษาเรื่อง การราไทยบนตารางเก้าช่องต่อภาวะสุขภาพ ของผู้สูงอายุ โดย Junprasert, et al. (2013) ซึ่งเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง ในผู้สูงอายุที่ไม่มีการเจ็บปุวยที่เป็นอุปสรรคต่อการออกกาลังกาย จานวน 100 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 50 คน กลุ่มทดลอง ได้รับการส่งเสริมพฤติกรรมการออกกาลัง กายด้วยการรา ไทยบนตารางเก้าช่อง และร่วมกันออกกาลังกาย อย่างสม ่าเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 20-60 นาที ส่วนกลุ่มควบคุมไม่ได้ ร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทา การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์พฤติกรรม แบบบันทึกภาวะสุขภาพ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Independent t - test พบว่า การเปลี่ยนแปลงของภาวะสุขภาพในกลุ่มทดลอง มีค่าเฉลี่ยความ ทนทาน ของหัวใจและปอดเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตไดแอสโตลิกลดลง น ้าตาลในเลือดลดลง ความแข็งแรง กล้ามเนื้อแขนและ ขาเพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นกล้ามเนื้อแขนและขาทั้งสองข้างเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่ม ควบคุมอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<.05) 2.ระดับความพึงพอใจของผู้สูงอายุที่ออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้าช่องภาพรวมอยู่ในระดับดี ( = 4.37; =0.21)เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ความพึงพอใจต่อความสนใจและรักในการออกกาลังกายมากขึ้นและการเคลื่อนไหว ของร่างกายมีค่าสูงสุด ( =4.70; =0.21)รองลงมาคือการพัฒนาสมอง ( =4.70; =0 .47)และระบบการไหลเวียนโลหิตใน ร่างกาย ( =4.55; =0.51)แสดงให้เห็นว่าการออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้าช่องเป็นกิจกรรมหนึ่งที่เหมาะสมต่อการ ออกกาลังกายในผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ผู้สูงอายุให้ความสนใจและทาให้รักในการออกกาลังกายมากขึ้น เนื่องจาก นอกจากเป็นวิธีการที่ทาให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนแล้ว ยังมีส่วนในการพัฒนาสมองจากการที่ต้องมีการตัดสินใจ เคลื่อนไหวให้ถูกต้องตามทิศทางของแต่ละท่าที่ถูกกากับด้วยจังหวะเพลง ให้ความเพลิดเพลิน ผ่อนคลายด้วยเสียงเพลง และ ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 45 นาที จึงเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่ง สอดคล้องการศึกษาผลของการราไทยบนตารางเก้าช่อง พบว่า ความทนทานของหัวใจและปอด ประเมินจากการยกเท้าสูง ย ่า เท้าอยู่กับที่ในเวลา 2 นาที พบว่ากลุ่มทดลองมีความทนทานของหัวใจและปอดเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสาคัญ ทางสถิติ(Junprasert, et al.,2013) สรุปผลการวิจัย(Conclusion) จากการศึกษาครั้งนี้พบว่าผู้สูงอายุที่ผ่านการออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้าช่อง มีการรับรู้ภาวะสุขภาพใน ระดับมาก และมีความพึงพอใจต่อการออกกาลังกายด้วยราไทยบนตารางเก้าช่องในระดับมาก
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3