Proceeding2562
1598 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 29 ประจ�ำปี 2562 วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 บทนา สังคมประเทศไทยในปัจจุบันเข้าสู่การเปลี่ยนเป็นสังคมที่คนมีอายุยืนยาวขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มจานวนผู้สูงอายุมีเพิ่ม มากขึ้นทุกปีจากการสามะโนประชากร และการคาดประมาณการแนวโน้มของประชากรสูงอายุ ในประเทศไทยในปี พ.ศ.2548 พ.ศ.2550 พ.ศ.2553 และ พ.ศ.2563 พบการเพิ่มจานวนของประชากรสูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจานวน 6,693,000, 7,038,000, 7,522,800 และ 11,888,000 คนตามลาดับ (สานักงานสถิติชาติ2543 และสานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ,2553) นอกจากนี้ยังมีการสารวจของสานักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพบว่า ในปี2556 กลุ่มประชากร ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเริ่มมีสัดส่วนมากกว่า 10% ซึ่งคาดการณ์ว่า ในปี2567 หรือในอีก15 ปีข้างหน้า ประชากร อายุ60 ปีขึ้นไป จะมีสัดส่วนมากกว่า20%ซึ่งจะเท่ากับ สัดส่วน ของกลุ่มเด็ก และในปี2573จะเพิ่มขึ้นเป็น 2เท่าของกลุ่มเด็ก หรือประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งประเทศซึ่ง สามารถ แสดงด้วยค่าดัชนีการสูงวัย (Aging index) ซึ่งแสดงถึง การเปรียบเทียบโครงสร้างการทดแทนกันของประชากรกลุ่ม ผู้สูงอายุ (อายุ60 ปีขึ้นไป) กับกลุ่มประชากรวัยเด็ก (อายุต่ากว่า15 ปี) โดยดัชนีการสูงวัยมีค่าต่ากว่า100 แสดงว่าจานวน ประชากรสูงอายุมีน้อยกว่าจานวนเด็ก แต่ในทางตรงข้ามถ้าดัชนี มีค่าเกินกว่า 100 แสดงว่าจานวนประชากรสูงอายุมีมากกว่า จานวนประชากรเด็ก จากข้อมูลการคาดประมาณ ประชากรของประเทศไทยปี 2558 -2573 จะเห็นว่าภาพรวมประเทศไทย อยู่ในสถานการณ์“สังคมสูงวัย” (aged society) และในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (completed aged society) ทาให้เกิดปัญหาความเปราะบางด้านสุขภาพตามกลุ่มอายุ ขาดผู้ดูแล ซึ่งสัดส่วนผู้สูงอายุ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ลักษณะการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจ ระหว่างประชากรวัยต่าง ๆ เปลี่ยนไป ส่งผลให้วัยแรงงานต้องออกทางานนอกบ้าน การอยู่อาศัยของผู้สูงอายุเปลี่ยนแปลงไป ผู้สูงอายุอยู่ตามลาพัง อยู่กับคู่สมรส หรืออยู่กับวัยเด็กมากขึ้น โดยจานวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจสังคมของประเทศ ทั้งนี้เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่มัก เผชิญกับ สภาพปัญหาหลายด้าน อาทิ ด้านครอบครัว ด้านสวัสดิการสังคม ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะด้านสุขภาพ นั้นพบว่าผู้สูงอายุต้อง เผชิญกับสภาพปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยเป็นโรคเรื้อรังทั้งทางกายและ ทางจิต ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรค เรื้อรังทางกายของประชากรผู้สูงอายุไทย ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ อัมพฤกษ์ หลอดเลือดสมองตีบ โรคมะเร็ง ส่วนโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาทางจิต ได้แก่ โรคซึมเศร้า ทั้งนี้ภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุส่วนใหญ่เกิดจาก การสูญเสียบุคคลใกล้ชิด เช่น คู่สมรส และ เพื่อนในวัยเดียวกัน รวมทั้งการขาดรายได้ (วริษา จันทรังสีวรกุล และคณะ,2553) และจากสถานการณ์ผู้สูงวัย ในประเทศไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2523-2550) พบว่าผู้สูงอายุที่อยู่ตามลาพังคนเดียวหรือ อาศัยอยู่กับ คู่สมรสโดยไม่มีลูกหลานคอยดูแลมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2550 พบปัญหาผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ให้ อยู่ตามลาพัง และครอบครัวยากจนไม่สามารถดูแลได้ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เจ็บป่วย หรือช่ วยเหลือตัวเอง ได้น้อยลง (อรวรรณ์ คูหา และนันทศักดิ์ ธรรมวัตร,2552) โดยความเสื่อมทางด้านร่างกาย และการลดบทบาท ทางสังคมดังกล่าว จะ ส่งผลให้ผู้สูงอายุเกิดความวิตกกังวลและ/หรือความซึมเศร้า การดูและสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุมีความสาคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สถาบันครอบครัวยังต้องมีองค์กรในชุมชนที่ ต้องให้ความสาคัญในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ แผนพัฒนาผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545-2564) เน้นกระบวนการ สร้างหลักประกันให้ผู้สูงอายุ มีแนวคิดหลักคือ 1) ประชากรผู้สูงอายุที่มีสถานภาพดี (สุขภาพดีทั้งกายและจิต ครอบครัวอบอุ่น มีสังคมที่ดี มีหลักประกันที่มั่นคง ได้รับสวัสดิการและการบริการที่เหมาะสมอยู่อย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ มีส่วนร่วม มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารอย่างต่อเนื่อง) 2) ผู้สูงอายุที่ทุกข์ยากและต้องการการเกื้อกูล หากมีการดาเนินการที่ เหมาะสมจะช่วยให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ ส่วนใหญ่ดารงอยู่ในชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง 3) ครอบครัวและชุมชนเป็นสถาบันหลักในการ เกื้อหนุนผู้สูงอายุ 4) ระบบสวัสดิการและบริการจะต้องสามารถรองรับผู้สูงอายุให้สามารถดารงอยู่กับครอบครัวและชุมชนได้ อย่างมีคุณภาพ 5) รัฐจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในระบบบริการ จากโครงสร้างประชากรในรอบ 10 ปีของจังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่า ประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มี จานวนและสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จาก 182,275 คน หรือร้อยละ 12.2 ของ ประชากรทั้งหมด ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15.5 ในปี 2559 เฉลี่ยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.33 ต่อปี (สานักงานสถิติจังหวัดนครศรีธรรมราช 2559) ตาบลนา เคียน เป็นตาบลหนึ่งในอาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตาบลนาเคียน แบ่ง พื้นที่ออกเป็น 9 หมู่บ้าน มีประชากรจานวน มีจานวน 12,717 คน หรือประมาณร้อยละ 8.22 ของประชากรอาเภอเมือง นครศรีธรรมราช แยกเป็นชายจานวน 6,310 คน หญิงจานวน 6 ,407 คน (องค์การบริหารส่วนตาบลนาเคียน, 2560) มี
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3