Proceeding2562

2082 การประชุมวิชาการระดับชาติมหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 29 ประจ�ำปี 2562 วิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน R 2 = 0.409 Adjusted R 2 = 0.367 D.W. = 1.565 F-statistic = 9.736 ผลแสดงการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านการออม ยังพบว่าการสมการ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านการออม มีค่า R 2 มีค่าเท่ากับ 0.409 แสดงว่าตัวแปรอิสระเหล่านี้สามารถอธิบายรายจ่ายของผู้สูงอายุได้ คิดเป็นร้อยละ 40.9 โดยสมมติให้ปัจจัยอื่นๆคงที่ และอีกร้อยละ 59.1 และมีค่า Adjusted R 2 มีค่าเท่ากับ 0.367เป็นค่า R 2 ที่ได้ปรับค่าแล้ว หมายถึง สัมประสิทธิ์การตัดสินใจเท่ากับร้อยละ 36.7 นั่นคือ ตัวแปรอีกร้อยละ 8 ตัว สมามารถอธิบายรายจ่ายของผู้สูงอายุ ส่วนอีกร้อยละ 63.3 เกิดจากอิทธิพลของตัวแปรอื่นๆที่ไม่ได้ นามาพิจารณา ค่า D.W. มีค่าเท่ากับ 1.565 และ มีค่า F-statistic มีค่าเท่ากับ 9.736โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ของค่าคงที่เป็นบวก จะเห็นว่าตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านการออม ณ ระดับนัยสาคัญ 0.05 คือ อาชีพ ก่อนเกษียณอายุประกอบอาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ/ข้าราชการ (OOC 3 ) อาชีพก่อนเกษียณอายุประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว (OOC 5 ) และการลงทุนก่อนเกษียณอายุแบบกองทุนบาเหน็จบานาญ (INV 1 ) ซึ่งสามารถอภิปรายความสัมพันธ์ของตัวแปรตัวดังนี้ อาชีพก่อนเกษียณอายุประกอบอาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือข้าราชการ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของ ผู้สูงอายุด้านเงินออม ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน เนื่องจาก ผู้สูงอายุที่มีอาชีพเป็นพนังงานรัฐวิสาหกิจหรือข้าราชการ จะมีรายได้ที่ มั่นคงกว่าอาชีพอื่นๆสามารถวางแผนการรายจ่าย การออมเงินได้อย่างแน่นอนและยังมีรายได้จากกองทุนบาเหน็จบานาญเมื่อ เกษียณอายุการทางาน อาชีพก่อนเกษียณอายุประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านเงินออม ซึ่ง เป็นไปตามสมมติฐาน เนื่องจาก ผู้สูงอายุที่มีอาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัวจะมีรายได้ที่ขึ้นอยู่กับผลกาไรจากการดาเนินกิจการของ ตนเองและรายได้จากการลงทุนแบบอื่นๆ จึงส่งผลให้มีการวางแผนรายจ่าย การออมเงิน ได้อย่างแน่นอน การลงทุนก่อนเกษียณอายุแบบกองทุนบาเหน็จบานาญ ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านเงินออม ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน เนื่องจาก ผู้สูงอายุที่มีอาชีพก่อนเกษียณอายุเป็นพนักงานข้าราชการ จะมีการเงินออมในรูปแบบกองทุน บาเหน็จบานาญ โดยที่จะหักจากเงินเดือนของผู้สูงอายุคนนั้น เพื่อเข้ากองทุนบาเหน็จบานาญและจะได้รับเงินคืนในตอน เกษียณอายุข้าราชการ ด้านภาระหนี้สิน DEBT = 191767.744 - 185478.512OOC 1 ** - 274850.178OOC 6 + 36566.382NOF +174370.520INV 4 (0.396) (-2.145) (-2.746) (2.000) (2.822) R 2 = 0.344 Adjusted R 2 = 0.192 D.W. = 1.374 F-statistic = 2.269 ผลแสดงการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านภาระหนี้ ยังพบว่าการสมการ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านภาระหนี้สิน มีค่า R 2 มีค่าเท่ากับ 0.344 แสดงว่าตัวแปรอิสระเหล่านี้สามารถอธิบายภาระหนี้สินของผู้สูงอายุได้ คิดเป็นร้อยละ 34.4 โดยสมมติให้ปัจจัยอื่นๆคงที่ และอีก ร้อยละ 65.6 และมีค่า Adjusted R 2 มีค่าเท่ากับ 0.192 เป็นค่า R 2 ที่ได้ปรับค่าแล้ว หมายถึง สัมประสิทธิ์การตัดสินใจเท่ากับร้อย ละ 19.2 นั่นคือ ตัวแปรอีกร้อยละ 8 ตัว สมามารถอธิบายรายจ่ายของผู้สูงอายุ ส่วนอีกร้อยละ 80.8 เกิดจากอิทธิพลของตัวแปรอื่นๆ ที่ไม่ได้นามาพิจารณา ค่า D.W. มีค่าเท่ากับ 1.374 และ มีค่า F-statistic มีค่าเท่ากับ 2.269 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์ของค่าคงที่เป็น บวก จะเห็นว่าตัวแปรที่มีอิทธิพลกับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุภาระหนี้สิน ณ ระดับนัยสาคัญ 0.05 คือ อาชีพก่อน เกษียณอายุประกอบอาชีพเกษตรกร(OOC 1 ) อาชีพก่อนเกษียณอายุประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป (OOC 6 ) จานวนสมาชิกใน ครอบครัว (NOF) และการลงทุนก่อนเกษียณอายุแบบประกันสังคม (INV 4 ) ซึ่งสามารถอภิปรายความสัมพันธ์ของตัวแปรตัวดังนี้ อาชีพก่อนเกษียณอายุประกอบอาชีพเกษตรกร มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทางการเงินของผู้สูงอายุด้านภาระหนี้สิน ซึ่ง เป็นไปตามสมมติฐาน เนื่องจาก บุคคลที่มีอาชีพก่อนเกษียณประกอบอาชีพเกษตรกร หนี้สินที่เกิดขึ้นจากการกู้ยืมเพื่อมากลงทุนใน การปรับปรุงในพื้นที่การเกษตรของตนหรือการยืมมาใช้จ่ายในช่วงที่ประสบจากภัยธรรมชาติ จึงส่งผลให้อาชีพก่อนเกษียณอายุ ประกอบอาชีพเกษตรกรมีภาระหนี้สิน

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3