งานประชุมวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร

งานประชุมวิชาการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2567 ณ ทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง JTAI 2024: The 1 st Conference of Technology and Agricultural Innovation between 1 – 2 August 2024 At Thaksinakhan Thaksin University 86 แบบแผนการทดลอง ขยายผลเทคโนโลยีการผลิตกระจูด ซึ่งผ่านการวิจัยระหว่างปี 2559-2563 วิธีปฏิบัติทดลอง 1. คัดเลือกเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกร/ชุมชนเป้าหมาย สร้างการรับรู้โครงการและคัดเลือก เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 2. ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตกระจูด แก่เกษตร/กลุ่มเกษตร/ชุมชนเป้าหมาย 3. จัดทาแปลงขยายผลเทคโนโลยีการผลิตกระจูด ในพื้นที่เกษตรกรจานวน 3 ราย พื้นที่ 5 ไร่/ หมู่บ้าน (ชุมชน) เตรียมพื้นที่โดยการไถด้วยผาล 7 เพื่อกาจัดวัชพืช โรค และแมลงศัตรูพืชที่อยู่ในดิน ตากดินไว้ 7-14 วัน หลังจากนั้นไถครั้งที่ 2 ด้วยผาล 7 เช่นเดิม เพื่อย่อยดินให้มีขนาดเล็กลง สูบน้าเข้าแปลง เพื่อกาจัด วัชพืชที่คงเหลือในแปลงและเพื่อให้ดินอุ้มน้าเหมาะสาหรับการไถทาเทือกด้วยเครื่องตีดินอีกครั้ง เตรียมต้น พันธุ์ ด้วยวิธีการนามาแยกเป็นเหง้าพร้อมปลูก ซึ่งแต่ละเหง้าจะมีต้นกระจูดจานวน 3 -4 ต้น คัดต้นพันธุ์ที่ สมบูรณ์ มีสีเขียวหรือเหลือง และตัดต้นพันธุ์ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร (อาจขึ้นอยู่กับระดับน้าตอนปลูก) ปลูกโดยใช้ระยะปลูก 30x30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 800 กิโลกรัมต่อไร่ หลังปลูก 1 เดือน เก็บเกี่ยวผลผลิตที่ อายุ 1 ปี การบันทึกข้อมูล 1. ผลผลิตต้นสดกระจูด 2. ข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์ ระยะเวลาดาเนินการ เริ่มต้น เดือนตุลาคม 2564 – สิ้นสุด เดือนกันยายน 2567 พื้นที่/สถานที่ดาเนินการ แปล ง เ กษตร ก รบ้านท่าช้า ง ต . พนา ง ตุ ง อ . ควนขนุน จ . พัทลุง แปลงเกษตรกรบ้านท่าสาเภาใต้ ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง ผลและอภิปราย (Result and Discussion) กระจูดเป็นพืชชุ่มน้าท้องถิ่นที่มีศักยภาพของจังหวัดพัทลุง ชาวบ้านนาต้นกระจูดมาใช้ประโยชน์ได้ หลากหลาย โดยเฉพาะหัตถกรรมกระจูดในภาคใต้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมาจาก บรรพบุรุษ จากการวิจัยและพัฒนาการผลิตกระจูด เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตที่อายุ 9 เดือน การปลูกระยะชิด คือ 30 x 30 เซนติเมตร กระจูดมีความสูงต้น จานวนต้นต่อกอ น้าหนักต้นสด และน้าหนักต้นแห้งมากกว่าระยะปลูก อื่น คือเท่ากับ 169.1 เซนติเมตร 99.2 ต้นต่อกอ 3,600 กิโลกรัม และ 1,314 กิโลกรัม ตามลาดับ (ตารางที่ 1 -3) และเมื่อการปลูกกระจูดในสภาพดินเหนียวที่มีปริมาณอินทรียวัตถุ 2.92 เปอร์เซ็นต์ ไนโตรเจน 0.15 เปอร์เซ็นต์ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ 7 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ 60 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม การใส่ปุ๋ยมูลวัว 800 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีเกรด 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่ มี ความสูงต้นมากที่สุด คือ เฉลี่ย 192.6 เซนติเมตร และการใส่ปุ๋ยมูลวัว อัตรา 800 กิโลกรัมต่อไร่ มีผลผลิต น้าหนักสดต้นกระจูดมากที่สุด คือ 2,093 กิโลกรัมต่อไร่ (ตารางที่ 4) เมื่อขยายผลเทคโนโลยีสู่แปลงเกษตรกร จานวน 3 ราย ในพื้นที่อาเภอควนขนุน และอาเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีสภาพพื้นที่เหมาะสาหรับการปลูก กระจูด เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่ม และเกษตรกรในพื้นที่มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์กระจูดด้วยแล้ว พบว่า ต้นกระจูด แปลงขยายผลมีความสูงเฉลี่ย 197.8 เซนติเมตร ผลผลิตน้าหนักต้นสดเฉลี่ย 7,052 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ ประมาณ 1,243 กา (1 กา มีน้าหนักระหว่าง 5.5 – 6.5 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับความยาวและขนาดต้น) มีต้นทุน

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3