งานประชุมวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร
งานประชุมวิชาการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2567 ณ ทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง JTAI 2024: The 1 st Conference of Technology and Agricultural Innovation between 1 – 2 August 2024 At Thaksinakhan Thaksin University 133 อาเภอชานุมาน จังหวัดอานาจเจริญ มีเกษตรกรเข้ารับการฝึกอบรม จานวน 32 ราย ก่อนอบรมได้มีการ ทดสอบความรู้เบื้องต้น โดยให้ทาแบบทดสอบก่อนอบรม ส่วนใหญ่ได้คะแนน คิดเป็นร้อยละ 65 จากจานวน 32 ราย หลังการฝึกอบรมได้ทาการถาม-ตอบความรู้อีกครั้ง ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถสอบผ่านเกณฑ์ทุกคน คิด เป็นร้อยละ 100 และคัดเลือกเกษตรกรเข้าร่วมการทดสอบพันธุ์มันสาปะหลังฯ จานวน 10 ราย รายละ 1 ไร่ (ตารางที่ 2) และจากการเสวนาเกษตรกรในเบื้องต้นพบว่าเกษตรกรประสบปัญหาราคามันสาปะหลัง แปรปรวน ซึ่งในบางปีราคาต่ามาก ผลผลิตต่า เกิดจากดินมีความเสื่อมสภาพ การใส่ปุ๋ย การจัดการดินที่ยังไม่ ถูกต้อง การเก็บเกี่ยวมันสาปะหลังอายุสั้น ทาให้มันสาปะหลังไม่มีคุณภาพ เปอร์เซ็นต์แป้งต่า ต้นทุนการผลิต สูง เนื่องจากราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้น และค่าแรงงานที่สูงขึ้น ผลการวิเคราะห์คุณสมบัติดิน พบว่า ดินมีค่าความเป็นกรด-ด่าง 4.64–5.28 ปริมาณอินทรียวัตถุใน ดิน 0.49-1.13% ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ในดิน 5.41–19.98 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โพแทสเซียมที่ แลกเปลี่ยนได้ในดิน 15.20 – 48.00 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (ตารางที่ 3) และจากผลการวิเคราะห์คุณสมบัติดิน เกษตรกรต้องใส่ปุ๋ยตามปริมาณธาตุอาหารที่แนะนา คือ 16-4-8, 16-4-16 และ 8-4-8 (ตารางที่ 3) ซึ่งกรม พัฒนาที่ดิน (2549) พบว่าแปลงของเกษตรกรจัดอยู่ในกลุ่มชุดดินที่ 40 วัตถุเป็นกลุ่มดินที่เกิดจากต้นกาเนิดดิน พวกดินตะกอนลาน้า หรือจากการสลายตัวผุพังอยู่กับที่ หรือจากการสลายตัวผุพังแล้วถูกเคลื่อนย้ายมาทับถม ของพวกวัสดุเนื้อหยาบ เป็นพื้นที่ดอนที่มีสภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อยถึงลูกคลื่นลอนลาด เป็นดิน ลึก มีการระบายน้าดี เนื้อดินเป็นดินร่วนหยาบ ดินมีสีน้าตาล สีเหลืองหรือแดง และอาจพบจุดประสีต่างๆ ใน ชั้นดินล่างมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงกรดจัดมาก มีค่าความเป็นกรด -ด่าง ประมาณ 4.5–5.0 ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่า เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย แต่มีความเหมาะสมสาหรับการปลูก พืชไร่ เกษตรกรเริ่มปลูกมันสาปะหลังในเดือนพฤษภาคม 2566 หลังปลูกประมาณ 1 เดือน พบว่า เปอร์เซ็นต์ความงอกวิธีทดสอบและวิธีเกษตรกรมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับความ เชื่อมั่น p<0.01 ซึ่งวิธีทดสอบมีค่าอยู่ระหว่างร้อยละ 55.14-98.97 และมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 89.54 วิธีเกษตรกรมี ค่าอยู่ระหว่างร้อยละ 58.06-95.65 และมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 81.50 เปอร์เซ็นต์ความงอกใช้แสดงความแข็งแรง ของท่อนพันธุ์มันสาปะหลังแต่ละพันธุ์ (Field and Renewable Energy Crops Research Institute, 2015) หลังจากที่เกษตรกรใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน พบว่า ความสูงและความกว้างทรงพุ่มของวิธีทดสอบและวิธี เกษตรกรไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยวิธีทดสอบมีความสูงเฉลี่ย 193.48 cm ความกว้างทรงพุ่มเฉลี่ย 107.83 cm วิธีเกษตรกรมีความสูงเฉลี่ย 201.06 cm ความกว้างทรงพุ่มเฉลี่ย 107.09 cm (ตารางที่ 4) ดาเนินการสุ่มเก็บข้อมูลผลผลิตในเดือนมกราคม 2567 พบว่า ผลผลิต (หัวสด) และจานวนหัวต่อไร่วิธี ทดสอบและวิธีเกษตรกรมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น p<0.05 ซึ่งวิธี ทดสอบมีผลผลิตอยู่ระหว่าง 2,577-6,455 กิโลกรัมต่อไร่ และมีค่าเฉลี่ย 4,758 กิโลกรัมต่อไร่ วิธีเกษตรกรมี ผลผลิตอยู่ระหว่าง 2541- 6,201 กิโลกรัมต่อไร่ และมีค่าเฉลี่ย 3,988 กิโลกรัมต่อไร่ จานวนหัวต่อไร่ในวิธี ทดสอบมีค่าอยู่ระหว่าง 14,377-28,467 หัวต่อไร่ มีค่าเฉลี่ย 24,044 หัวต่อไร่ วิธีเกษตรกรค่าอยู่ระหว่าง 16,007-27,323 หัวต่อไร่ และมีค่าเฉลี่ย 21,244 หัวต่อไร่ ส่วนเปอร์เซ็นต์แป้งวิธีทดสอบและวิธีเกษตรกรไม่มี ความแตกต่างกันทางสถิติ ซึ่งวิธีทดสอบมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 26.68 และวิธีเกษตรกรมีค่าเฉลี่ยร้อยละ 26.95 จาก ค่าเฉลี่ยผลผลิต (หัวสด) วิธีทดสอบให้ผลผลิตสูงกว่าค่าเฉลี่ยผลผลิตวิธีเกษตรกร 770 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็น ผลผลิตเพิ่มขึ้น 19.30 % (ตารางที่ 5)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3