งานประชุมวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร

งานประชุมวิชาการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2567 ณ ทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง JTAI 2024: The 1 st Conference of Technology and Agricultural Innovation between 1 – 2 August 2024 At Thaksinakhan Thaksin University 150 พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ร้อยละ 14 และ 13 ตามลาดับ มีความหวาน 19.1 องศาบริกซ์ ใกล้เคียงกับพันธุ์ สุพรรณบุรี 50 และมีกลิ่นหอม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 18.47 ตัน/ไร่ โดยให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ LK92-11 ร้อยละ 14 ตามลาดับ มีความหวานเฉลี่ย 13.69 ซีซีเอส และให้ผลผลิตน้าตาล 2.53 ตันซีซีเอส/ไร่ ต้านทานโรคแส้ดา และโรคเหี่ยวเน่าแดงปานกลาง ลักษณะลาต้นค่อนข้างนิ่ม สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งจากการ คั้นน้า การเคี้ยว หรือส่งเป็นอ้อยโรงงาน โดยในอ้อยคั้นน้าจะมีเปอร์เซ็นต์หีบสูง น้าอ้อยมีสีสวย และมีกลิ่น หอม รวมทั้งยังสามารถนาไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น การทาอ้อยงบ อ้อยกะทิ อ้อยผง ซึ่งเป็นการเพิ่ม มูลค่าให้กับอ้อยได้ พื้นที่แนะนาให้ปลูกอ้อยคั้นน้าพันธุ์ศรีสาโรง 1 คือ ในเขตภาคเหนือตอนล่าง (กรมวิชาการ เกษตร, 2565) อ้อยคั้นน้าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 เป็นพันธุ์รับรองของกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2539 ได้มาจากการ ผสมเปิดของอ้อยพันธุ์ SP 074 ซึ่งมาจาก Sao Paulo ประเทศบราซิล โดยปลูกรวบรวมที่แปลง พันธุ์อ้อยของศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ดาเนินการตามขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 -2538 ลักษณะประจาพันธุ์ ใบมีขนาดใหญ่ ปลายใบโค้ง ลาต้นสีเขียวอมเหลือง รสชาติหวานหอม แตกกอดี ปล้อง มีรูปร่างทรงกระบอกค่อนข้างยาว ไม่มีร่องเหนือตา ตามีรูปร่างกลม วงเจริญสีเหลืองและนูนข้อโปน มีการออก ดอกบ้างในอ้อยตอ ช่วงเดือนธันวาคม อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม คือ 8 เดือน มีความทนทานต่อโรคแส้ดา โรคใบขาว และโรคลาต้นเน่าแดง พบการเข้าทาลายของหนอนกออ้อยน้อย ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ มีลักษณะ เด่น คือ ผลผลิตน้าอ้อยสูง 4,913 ลิตรต่อไร่ น้าอ้อยสดมีความหวาน 16.1 บริกซ์ แตกกอดี จานวน ลาต่อไร่สูง 12,198 ลา สูงกว่าพันธุ์สิงคโปร์ 91 เปอร์เซ็นต์ สามารถไว้ตอได้ดีไม่ต้องปลูกใหม่ทุกปี พื้นที่แนะนาปลูกได้ใน ทุกสภาพแวดล้อม และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดีโดยเฉพาะในเขตภาคกลาง และภาคตะวันตกที่เป็นแหล่ง ปลูกอ้อย (กรมวิชาการเกษตร, 2563) ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทรีประกอบด้วย แบคทีเรีย 2 ชนิด ได้แก่ Azospirillum brasilense และ Gluconacetobacter diazotrophicus ที่สามารถตรีงไนโตรเจน ละลายธาตุอาหารที่ตรึงอยู่ในดิน และสร้าง สารกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช คล้าย ไอเอเอ (IAA) โดยแบคทีเรียเหล่านี้ สามารถตรึงไนโตรเจนเพิ่มรูปที่ เป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืชบางชนิดในดิน ส่งเสริมการเจริญของรากอ้อย จึงสามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวราก ทาให้เพิ่มการดูดน้าปละปุ๋ย เหมาะสาหรับใช้ในการปลูกอ้อย (กรมวิชาการเกษตร,2559) ดังนั้น โครงการวิจัยนี้ทาการทดสอบอ้อยคั้นน้าพันธุ์ศรีสาโรง 1 เปรียบเทียบกับพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และร้อยเอ็ด ส่วนในพื้นที่จังหวัดอานาจเจริญเป็นการทดสอบเทคโนโลยีของกรมวิชาการ เกษตรเปรียบเทียบกับวิธีเกษตรกรโดยใช้อ้อยพันธุ์สุพรรณบุรี 50 เพื่อเป็นข้อมูลสาหรับนาไปแนะนาเกษตรกร ต่อไป นอกจากการเลือกใช้พันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่แล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตและคุณภาพอ้อยคั้นน้า คือ การจัดการดินปุ๋ยและการจัดการศัตรูพืชที่เหมาะสม โดยการนาองค์ความรู้ หรือเทคโนโลยีที่ได้จากกรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่นมาบูรณาการ ปรับใช้ให้เกิดชุดเทคโนโลยีการผลิตอ้อยคั้นน้าที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อได้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรแล้วจึงนามาถ่ายทอดสู่เกษตรกรในพื้นที่ที่มีระบบ ภูมินิเวศก์คล้ายคลึงกัน เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจนาไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง ขยายผลสู่ชุมชน อื่นและสร้างเครือข่ายผู้ผลิตอ้อยคั้นน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิต แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และเชื่อมโยง ตลาด เพื่อทาให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และมีความยั่งยืนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมต่อไป

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3