งานประชุมวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร
งานประชุมวิชาการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2567 ณ ทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง JTAI 2024: The 1 st Conference of Technology and Agricultural Innovation between 1 – 2 August 2024 At Thaksinakhan Thaksin University 154 ตารางที่ 2 ข้อมูลค่าเฉลี่ยผลผลิต ค่าความหวาน และปริมาณน้าอ้อยสด แปลงทดสอบเทคโนโลยีการเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตอ้อยคั้นน้าตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับพืชในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ อานาจเจริญ และ ร้อยเอ็ด ปี 2565 จังหวัด พันธุ์ที่ปลูก ผลผลิต (ตัน/ไร่) ค่าความหวาน ( o Brix) ปริมาณน้าอ้อยสด (ลิตร/ไร่) ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร สุรินทร์ ศรีสาโรง 1 สุพรรณบุรี 50 9.35 8.96 25 24 5,075 4,647 อานาจเจริญ สุพรรณบุรี 50 สุพรรณบุรี 50 10.46 7.44 10.5 9.58 3,163 2,007 ร้อยเอ็ด ศรีสาโรง 1 สุพรรณบุรี 50 6.13 12.02 19.8 21.59 3.955 4,065 ตารางที่ 3 ข้อมูลค่าเฉลี่ยทางเศรษฐศาสตร์ แปลงทดสอบเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยคั้นน้า ตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสาหรับพืชในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ อานาจเจริญ และ ร้อยเอ็ด ปี 2565 จังหวัด ต้นทุน (บาท/ไร่) ราคา (บาท/ตัน) รายได้ (บาท/ไร่) รายได้สุทธิ (บาท/ไร่) BCR ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร ทดสอบ เกษตรกร สุรินทร์ 10,309 8,613 3,500 3,500 32,709 31,363 22,400 22,750 2.94 3.13 อานาจเจริญ 13,285 12,367 4,000 4,000 41,813 29,773 28,528 17,407 3.15 2.41 ร้อยเอ็ด 15,066 13,450 3,000 3,000 25,110 40,900 19,980 33,516 2.54 3.81 จากผลการทดลองปีที่ 1 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ พบว่ากรรมวิธีทดสอบมีค่าเฉลี่ยผลผลิต ปริมาณ น้าอ้อยสด สูงกว่ากรรมวิธีของเกษตรกร ทั้ง 2 กรรมวิธีมีรายได้สุทธิเฉลี่ยต่างกันเพียงเล็กน้อย จากการประเมิน ความพึงพอใจพบว่าเกษตรกรมีความพึงพอใจ และเลือกอ้อยคั้นน้าพันธุ์ศรีสาโรง 1 ร่วมกับเทคโนโลยีการผลิต อ้อยตามคาแนะนาของกรมวิชาการเกษตร ไปทดสอบจัดทาแปลงขยายผลในปี 2566 ขณะที่จังหวัด อานาจเจริญพบว่า กรรมวิธีทดสอบมีค่าเฉลี่ยผลผลิตน้าหนักสด ปริมาณน้าอ้อยสด รายได้สุทธิ และ อัตราส่วน รายได้ต่อการลงทุนสูงกว่ากรรมวิธีของเกษตรกร เกษตรกรมีความพึงพอใจเทคโนโลยีการผลิตอ้อยตาม คาแนะนาของกรมวิชาการเกษตร นาไปจัดทาแปลงขยายผลในปี 2566 ส่วนจังหวัดร้อยเอ็ดพบว่า กรรมวิธี เกษตรกรมีค่าเฉลี่ยผลผลิตน้าหนักสด ปริมาณน้าอ้อยสด รายได้สุทธิ และ อัตราส่วนรายได้ต่อการลงทุน สูงกว่ากรรมวิธีทดสอบ เกษตรกรจึงเลือกอ้อยคั้นน้าสุพรรณบุรี 50 ไปทดสอบจัดทาแปลงต้นแบบในปี 2566 อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่ร่วมทดสอบมีความพึงพอใจต่อเทคโนโลยีการผลิต และการจัดการตามคาแนะนาของ กรมวิชาการเกษตร ได้แก่ การจัดการปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-ทรี เนื่องจาก สามารถลดต้นทุนได้ จึงเลือกไปจัดทาแปลงขยายผลร่วมกับอ้อยคั้นน้าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ในปี 2566 ผลการดาเนินงานปีที่ 2 (2566) เป็นการทดสอบเทคโนโลยีการผลิตอ้อยคั้นน้าในแปลงอ้อยตอ 1 ในแปลงเดิม โดยมีกรรมวิธีและวิธี ปฏิบัติการทดลองเช่นเดียวกับปีที่ 1 ทดสอบเทคโนโลยีการจัดการผลิตอ้อยคั้นน้าตามมาตรฐาน GAP ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ อานาจเจริญ และร้อยเอ็ด โดยดาเนินการจัดทาแปลงต้นแบบและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ เหมาะสม ขยายผล และสร้างเครือข่ายผู้ผลิตอ้อยคั้นน้าแบบครบวงจร โดยนาเทคโนโลยีที่ได้จากการทดลองที่ ในปีที่ 1 ได้แก่ พันธุ์อ้อยคั้นน้า การจัดการปุ๋ย และการจัดการศัตรูพืชที่เหมาะสมในแต่ละสภาพพื้นที่ ดาเนินการขยายผลจานวน 3 แปลง ๆ ละ 1 ไร่ รวมพื้นที่ 3 ไร่ และถ่ายทอดสู่เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายโดย การฝึกอบรม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านแปลงต้นแบบ สร้างเครือข่ายและขยายผลสู่กลุ่มเกษตรกร/ชุมชน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3