งานประชุมวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร
งานประชุมวิชาการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2567 ณ ทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง JTAI 2024: The 1 st Conference of Technology and Agricultural Innovation between 1 – 2 August 2024 At Thaksinakhan Thaksin University 37 ผลและอภิปราย (Result and Discussion) ผลผลิตอ้อยและองค์ประกอบผลผลิต จากการเปรียบเทียบผลผลิตอ้อยคั้นน้าทั้ง 11 โคลน และพันธุ์ เปรียบเทียบพันธุ์สุพรรณบุรี 50 อ้อยปลูกปี 2565 (ปีที่ 1) พบว่า ผลผลิตอ้อยคั้นน้าไม่แตกต่างกันทางสถิติ ผลผลิตเฉลี่ย 13 ตันต่อไร่ อ้อยคั้นน้าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ให้ผลผลิตน้าอ้อยคั้นสูงที่สุด 3,936 ลิตรต่อไร่ รองลงมาอ้อยโคลน KKj19-30 และ KKj20-36 ผลผลิตน้าอ้อยคั้น 3,620 และ 3,540 ลิตรต่อไร่ตามลาดับ องค์ประกอบผลผลิตอ้อยคั้นน้าทั้ง 11 โคลน พบว่า จานวนลาเก็บเกี่ยวมีความแตกต่างกันทางสถิติ อ้อยโคลน KKj16-0001 มีจานวนลาสูงที่สุด 14,966 ลา รองลงมาพันธุ์สุพรรณบุรี 50 มีจานวนลา 12,300 ลา คุณภาพ น้าอ้อย ค่าความหวานของอ้อย ค่าบริกซ์ในน้าอ้อยไม่แตกต่างกันทางสถิติ มีค่าบริกซ์เฉลี่ย 19.6 องศาบริกซ์ ด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รส และความชอบโดยประเมินการความชอบเทียบกับอ้อยพันธุ์สุพรรณบุรี 50 พบว่า สีน้าอ้อยคั้นไม่แตกต่างกันกับพันธุ์เปรียบเทียบซึ่งมีสีเขียวอมเหลือง รสชาติน้าคั้นโคลน KKj16-0003 KKj16-0004 KKJm21-2-4 และ KKJm21-2-3 มีรสชาติเทียบเท่าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ส่วนกลิ่นไม่มีโคลน ทดสอบใดมีกลิ่นคล้ายพันธุ์เปรียบเทียบ (Table 1) ยังไม่มีโคลนอ้อยคั้นน้าที่มีลักษณะที่ดีกว่าพันธุ์เปรียบเทียบ พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ผลผลิตอ้อยและองค์ประกอบผลผลิต จากการเปรียบเทียบผลผลิตอ้อยคั้นน้าทั้ง 9 โคลน และพันธุ์ เปรียบเทียบ (พันธุ์ศรีสาโรง 1 และพันธุ์สุพรรณบุรี 50) อ้อยปลูกปี 2566 (ปีที่ 2) พบว่า มีความแตกต่างทาง สถิติอย่างมีนัยสาคัญ โดยอ้อยโคลน KKj17-5-064 และ KKj17-5-038 ให้ผลผลิต เท่ากับ 15.9 และ 14.7 ตัน ต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์ศรีสาโรง 1 และพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ให้ผลผลิตเท่ากับ 7.6 และ 11.2 ตันต่อไร่ อ้อยโคลน KKj17-5-064 ให้ปริมาณน้าอ้อยสูงที่สุด 5,514 ลิตรต่อไร่ แตกต่างอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติกับอ้อยคั้นน้าทั้ง 9 โคลน และพันธุ์เปรียบเทียบ โดยให้ปริมาณน้าอ้อยสูงกว่าพันธุ์ศรีสาโรง 1 และพันธุ์สุพรรณบุรี 50 เท่ากับ 2,715 และ 4,579 ลิตรต่อไร่ องค์ประกอบผลผลิต อ้อยคั้นน้าทั้ง 9 โคลน KKj17-1-003 KKj17-4-025 KKj17- 4-026 KKj17-5-033 KKj17-5-038 KKj17-5-040 KKj17-5-041 KKj17-5-049 และ KKj17-5-064 มีความสูง จานวนลา และเส้นผ่านศูนย์กลางแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ ซึ่งโคลน KKj17-5-040 มีความสูง 241 เซนติเมตร สูงที่สุด ส่วนโคลน KKj17-5-064 มีจานวนลาต่อไรมากที่สุดจานวน 13,233 ลา คุณภาพน้าอ้อย ค่า ความหวานของอ้อยโคลน KKj17-5-049 KKj17-5-064 และ KKj17-5-038 มีเปอร์เซ็นต์ความหวานสูง เท่ากับ 20.0 19.0 และ 18.3 องศาบริกซ์ ตามลาดับ ซึ่งสูงกว่าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 และพันธุ์ศรีสาโรง 1 เท่ากับ 17.7 และ 16.3 องศาบริกซ์ ด้านลักษณะปรากฏ สี กลิ่น รส และความชอบโดยประเมินการความชอบเทียบกับอ้อย พันธุ์สุพรรณบุรี 50 พบว่า สีน้าคั้น และรสชาติน้าคั้น KKj17-5-064 KKj17-5-049 เทียบเท่ากับพันธุ์ สุพรรณบุรี 50 ส่วนโคลน KKj17-5-041 พบว่า สีน้าคั้น รสชาติน้าคั้นเทียบเท่ากับพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ไม่มี โคลนอ้อยคั้นน้าพันธุ์ทดสอบมีกลิ่นเทียบเท่ากับพันธุ์สุพรรณบุรี 50 (Table 2) สรุปผล (Conclusion) ปัจจัยที่สาคัญในการปลูกอ้อยคั้นน้าให้ได้ผลผลิตที่ดี คือ การเลือกพันธุ์อ้อยที่สามารถปลูกและ ปรับตัวได้ดี เหมาะสมกับสภาพการปลูกแบบอาศัยน้าฝน เนื่องจากอ้อยแต่ละพันธุ์มีลักษณะทางพันธุกรรม และสรีรวิทยาที่แตกต่างกัน มีการตอบสนองต่อ สภาพแวดล้อมต่างกัน ชนิดดิน สมบัติทางเคมีและกายภาพดิน รวมทั้งสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณน้าฝนและอุณหภูมิ (กอบเกียรติ ไพศาลเจริญ และคณะ,
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3