งานประชุมวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร

งานประชุมวิชาการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 สิงหาคม 2567 ณ ทักษิณาคาร มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง JTAI 2024: The 1 st Conference of Technology and Agricultural Innovation between 1 – 2 August 2024 At Thaksinakhan Thaksin University 65 ให้ผลผลิตหัวสด 4.74 ตันต่อไร่ และรายได้สุทธิ และ 5,659 บาทต่อไร่ ระบบปลูกมันสาปะหลังหมุนเวียนพืช ตระกูลถั่ว (ถั่วลิสง-ถั่วมะแฮะ) ให้ผลผลิตหัวสด 5.48 ตันต่อไร่ และมีรายได้สุทธิรวม 7,477 บาทต่อไร่ และ ระบบปลูกมันสาปะหลังแซมด้วยพืชตระกูลถั่ว (ถั่วลิสง) ทุกปี ให้ผลผลิตหัวสดรวม 4.37 ตันต่อไร่ ผลผลติถั่ว ลิสงฝักสด กิโลกรัมต่อไร่ และมีรายได้สุทธิรวมสูงสุด 7,590 บาทต่อไร่ การเลือกระบบปลูกที่เหมาะสม นอกจากช่วยรักษาหน้าดิน คลุมวัชพืช และการย่อยสลายของเศษซาก หลังการเก็บเกี่ยว ยังช่วยปลดปล่อย ธาตุอาหารให้แก่พืชที่ปลูกตามหรือปลูกแซมได้ โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่วที่มีความสามารถในการตรึงไนโตรเจน ทาให้เพิ่มไนโตรเจนในระบบที่พืชหลักในระบบสามารถนาไปใช้ได้ การปลูกถั่วพุ่มแซมระหว่างแถวมัน สาปะหลังในดินชุดแม่ริม สามารถลดการสูญเสียหน้าดินถึงร้อยละ 47 และ 28 ในดินท รายจังหวัดระยอง (กอบเกียรติ ไพศาลเจริญ และคณะ, 2548) ทั้งการระบบการปลูกพืชแซมหรือหมุนเวียน ควรเลือกพืชที่มีอายุ สั้น เช่น พืชตระกูลถั่ว (ถั่วลิสง ถั่วเขียว และถั่วพุ่ม) สามารถให้ผลผลิตได้ภายใน 3-4 เดือน การปลูกพืชอายุ สั้นในระบบมันสาปะหลัง ในระบบพืชแซมลดการแข่งขันในการแย่งอาหารและแสงแดดจากมันสาปะหลัง โตเร็ว คลุมหน้าดินได้รวดเร็ว คลุมการงอกของวัชพืช แต่ในขณะเดียวกันถั่วที่ปลูกก็เป็นวัชพืชได้เช่นกัน ถ้ามี การแข่งกันเพื่อรับแสง และแย่งธาตุอาหารกันดังนั้นการเพิ่มธาตุอาหารให้แก่มันสาปะหลัง พืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วลิสง เป็นพืชที่เหมาะสาหรับนาเข้าทั้งระบบการปลูกพืชแซมหรือหมุนเวียน ถั่วลิสงไม่ส่งผลต่อ การเจริญเติบโต ของมันสาปะหลัง คลุมหน้าดินได้รวดเร็ว เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และเพิ่มรายได้สุทธิ ศรีสุดา ทิพยรักษ์ และคณะ (2556) รายงานว่า การปลูกพืชตระกูลถั่วร่วมกับมันสาปะหลัง ถึงแม้ว่าการปลูก มันสาปะหลังหมุนเวียนกับถั่วลิสงและถั่วมะแฮะ จะให้ผลผลิตต่ากว่าการปลูกมันสาปะหลังต่อเนื่อง แต่ สามารถรักษาระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินได้ดีกว่า เมื่อพิจารณาการจัดการปุ๋ยที่เหมาะสมสาหรับการผลิตมันสาปะหลังระยะยาว การใส่ปุ๋ยเคมี เ กรด 15-7-18 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ส่งเสริมการเจริญเติบโต ช่วยเพิ่มศักยภาพการให้ผลผลิต แต่การใส่ปุ๋ยเคมี เพียงอย่างดินส่งผลให้ดินมีความเป็นกรดมากกว่ากรรมวิธีอื่น การใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพียงอย่างเดียว หรือร่วมกับ ปุ๋ยเคมี อัตรา 1 ตันต่อไร่ ช่วยรักษาความเป็นกรดเป็นด่างให้ใกล้เคียงกับค่าเริ่มต้น และช่วยรักษาอินทรียวัตถุ ในดินได้ดีกว่าการไม่ใส่ปุ๋ย วัตถุประสงค์ที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อช่วยปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดิน ปรับโครงสร้างของดิน และให้ธาตุอาหารพืชในดินสามารถปลดปล่อยออกมา และเป็นประโยชน์แก่พืชได้มาก ขึ้นแต่จะปลดปล่อย ธาตุอาหารพืชออกมาอย่างช้าๆ และปุ๋ยอินทรีย์ช่วยปรับปรุงสมบัติทางชีวภาพของดิน เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ในดินบางชนิด (มงคล ต๊ะอุ่น และสันติภาพ ปัญจพรรค์, 2547, ปานชีวัน ปอนพังงา และ คณะ, 2557) เมื่อพิจารณาระบบปลูกมันสาปะลังร่วมกับ การจัดการปุ๋ย การใส่ปุ๋ยเคมี เกรด 15-7-18 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วยเพิ่มผลผลิตหัวสด และให้ผลตอบแทน ที่คุ้มค่าสูงกว่ากรรมวิธีอื่น ทั้งระบบปลูกมัน สาปะหลังต่อเนื่องทุกปี (6.43 ตันต่อไร่ และ 9,942 บาทต่อไร่ ตามลาดับ) และระบบปลูกมันสาปะหลังแซม ด้วยพืชตระกูลถั่วทุกปี (5.69 ตันต่อไร่ ผลผลิตถั่วลิสงฝักสด 216 กิโลกรัมต่อไร่ และ 11 ,004 บาทต่อไร่ ตามลาดับ) ในขณะที่ระบบปลูกมันสาปะหลังหมุนเวียนพืชตระกูลถั่วปีเว้นปี การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ อัตรา 1 ตันต่อ ไร่ ร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมีเกรด 15-7-18 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตหัวสด 7.24 ตันต่อไร่ และให้ ผลตอบแทน 10,747 บาทต่อไร่ สูงสุด

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3