วารสารเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร ปีที่ 2 ฉบับที่ 1

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหญ้าชะเงาเต่า ( Thalassia hemprichii ) (Ehrenberg) Ascheron บทนํา ประเทศไทยมีการแพร่กระจายของหญ้าทะเลตลอดแนวชายฝั่ง เนื่องจากหญ้าทะเลสามารถเติบโตได้ดี ในบริเวณชายฝั่งน้ำตื้น เช่น แหล่งน้ำกร่อยบริเวณปากแม่น้ำ ชายฝั่งน้ำตื้นที่มีพื้นทรายหรือทรายปนโคลน หรือขึ้นปะปน กับแนวปะการัง โดยพื้นที่การแพร่กระจายของหญ้าทะเลสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้ตลอด เนื่องจากหญ้าทะเลสามารถ แพร่พันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ ดังนั้นพื้นที่ที่เคยรายงานการพบหญ้าทะเล จึงถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพที่หญ้า ทะเลสามารถเจริญเติบโตได้ หญ้าทะเลพบตามชายฝั่งทะเลในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ไม่พบหญ้าทะเลในบริเวณพื้นที่อ่าวไทย เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการเจริญเติบโต แหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ บริเวณเกาะลิบง จังหวัดตรัง และมีแหล่งหญ้าทะเลที่สำคัญในฝั่งอ่าวไทย และทะเลอันดามันหลายพื้นที่ เช่น อ่าวทุ่งคา-สวี จังหวัดชุมพร อ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี เกาะลิบง จังหวัดตรัง เกาะศรีบอยา-เกาะปู จังหวัดกระบี่ เกาะพระทองและพื้นที่ใกล้เคียง จังหวัดพังงา และบ้านป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต ใน พ.ศ. 2561 พบว่ามีพื้นที่แหล่งหญ้าทะเล รวมทั้งหมด 98,912 ไร่ ลดลงจาก พ.ศ. 2560 ที่มีอยู่รวม 100,236 ไร่ และพบ แหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่ใหม่บริเวณเกาะช้าง จังหวัดระนอง และเกาะรังใหญ่ จังหวัดภูเก็ต (กองการจัดการความ หลากหลายทางชีวภาพ, 2566) หญ้าทะเลถือเป็นทรัพยากรที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญมาก ในปัจจุบันแหล่งหญ้าทะเล เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเลและสัตว์น้ำเศรษฐกิจ อันได้แก่ กุ้ง หอย ปู และปลา หญ้าทะเลยังเป็นอาหารสำคัญของพะยูนและเต่าทะเล เป็นแหล่งวางไข่ แหล่งอนุบาลตัวอ่อน และที่อยู่อาศัยของปลา กุ้ง หมึก ปูม้า หอยชนิดต่างๆ ไส้เดือนทะเล ตลอดจนสัตว์เล็กๆ นานาชนิด และเป็นแหล่งอาหาร แหล่งทำมาหากินที่สำคัญ ของชุมชนชายฝั่งทะเล แหล่งหญ้าทะเลเป็นระบบนิเวศแรกที่รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บนแผ่นดิน ทั้งที่เกิด จากมนุษย์และเกิดตามธรรมชาติ ชุมชนส่วนใหญ่จะตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล การพัฒนาด้านเกษตรกรรมต่างๆ ทั้งเพาะปลูก และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น กุ้งทะเล ล้วนมีผลกระทบต่อพื้นที่หญ้าทะเลทั้งสิ้น แหล่งหญ้าทะเลและป่าชาย เลนจึงเสมือนเป็นประตูกั้นระหว่างกิจกรรมต่างๆ บนฝั่งกับทะเล ซึ่งรวมถึงแนวปะการังด้วย (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, 2552) จึงทำให้ต้องมีการขยายพันธุ์ให้มากขึ้นโดยการเพาะขยายพันธุ์แบบการเพาะเมล็ด อีกทั้งยังมีวิธี ในการเพิ่มปริมาณให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชภายใต้สภาพปลอดเชื้อ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชวิธีหนึ่ง ด้วยการนำชิ้นส่วนของพืชที่ยังมีชีวิต เช่น ลำต้น ยอด ตาข้าง ก้านช่อดอก ใบ ก้านใบ อับละอองเกสร เป็นต้น มาเพาะเลี้ยงบนอาหารสังเคราะห์ และชิ้นส่วนนั้นสามารถเจริญ และพัฒนาเป็นต้นพืชที่สมบูรณ์ มีทั้งส่วนใบ ลำต้น และรากที่สามารถนำออกปลูกในสภาพธรรมชาติได้ สามารถผลิต ต้นพันธุ์พืชปริมาณมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว ต้นพืชที่ผลิตได้จะปลอดโรค ต้นพืชที่ผลิตได้จะมีลักษณะทางพันธุกรรม เหมือนต้นแม่ คือ มีลักษณะตรงตามพันธุ์ ด้วยการใช้เทคนิคของการเลี้ยงชิ้นส่วนตายอด เพื่อพัฒนาเป็นพืชต้นใหม่โดยตรง ต้นพืชที่ผลิตได้จะมีขนาดสม่ำเสมอ และมีอัตราการเพิ่มปริมาณที่มากขึ้น จึงได้มีการศึกษาการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหญ้าชะเงาเต่า โดยศึกษาวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อนำชิ้นส่วนใบ โคนใบและลำต้นใต้ดิน มาศึกษาเทคนิคในการฟอกฆ่าเชื้อที่มี ความเหมาะสมต่อชิ้นเนื้อเยื่อหญ้าทะเล และศึกษาสารควบคุมการเจริญเติบโตที่มีความเหมาะสมต่อการพัฒนาเนื้อเยื่อ หญ้าทะเล ทั้งนี้การวิจัยนี้จะเป็นการศึกษาเชิงรุกที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเพิ่มจำนวนหญ้าทะเลให้มีปริมาณมาก เพิ่มศักยภาพในการใช้ประโยชน์และเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการเพิ่มปริมาณหญ้าทะเลที่พะยูนมีความต้องการมากที่สุด ได้แก่ หญ้าอำพันหรือหญ้าใบมะกรูดกุยช่ายทะเล หญ้าชะเงาใบมนและใบฟันเลื่อย ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนา ศักยภาพต่อไปในอนาคต (สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน, 2562) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาการฟอกฆ่าเชื้อที่เเหมาะสมต่อการเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนใบ โคนใบ และลำต้นใต้ดินของ หญ้าชะเงาเต่า ( Thalassia hemprichii ) 2. เพื่อศึกษาสารควบคุมการเจริญเติบโตที่มีความเหมาะสมต่อการพัฒนาของเนื้อเยื่อหญ้าชะเงาเต่า ( Thalassia hemprichii )

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3