วารสารเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร ปีที่ 2 ฉบับที่ 1
การใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพจุลินทรีย์ร่วมกับชีวมวลในการผลิตกระเจี๊ยบเขียวตาม GAP ในดินเหนียว-ร่วนเหนียว … เมื่ออายุ 15 วันหลังปลูกพร้อมใส่ปุ๋ยครั้งแรก 1/2N+P+K และครั้งที่สองใส่ 1/2N หลังจากถอนแยก 30 วันตามกรรมวิธี โดยใส่สองข้างแถวแล้วพรวนดินกลบ และให้น้ำ ดูแลรักษาตามวิธีปฏิบัติของเกษตรกรผู้ปลูกกระเจี๊ยบเขียว GAP จากนั้น เก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของกระเจี๊ยบเขียว เช่น ความสูงต้น ที่อายุ 15 30 45 และ 60 วัน และเก็บเกี่ยวกระเจี๊ยบเขียว ที่อายุ 45 วันหลังปลูก ในพื้นที่เก็บเกี่ยวขนาด 4x4 เมตร มาประเมินผลของการจัดการปุ๋ยในแต่ละกรรมวิธี 3. การวิเคราะห์สมบัติของดินก่อนปลูก วิเคราะห์สมบัติของดินก่อนปลูก ได้แก่ เนื้อดิน (soil texture) โดยวิธี Automatic pipette method (จักรพงษ์, 2546) ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน (pH) โดยใช้อัตราส่วนดินต่อน้ำ เท่ากับ 1:1 ค่าการนำไฟฟ้า (EC) ใช้อัตราส่วนดินต่อน้ำ เท่ากับ 1:5 เขย่าเป็นเวลา 30 นาที ทิ้งให้ตกตะกอน แล้วนำไปวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายดินด้วยเครื่อง electrical conductivity ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน โดยวิธี Wet oxidation (Walkey and Black, 1934) ปริมาณฟอสฟอรัส ที่เป็นประโยชน์ในดิน (Available P) สกัดดินด้วยสารละลาย Bray II ในกรณีดินมี pH > 7.3 สกัดดินด้วยสารละลาย 0.5 M NaHCO 3 (pH 8.5) ตามวิธี Olsen ทำให้เกิดสีตามวิธี molybdenum blue และวัดปริมาณฟอสฟอรัสเทียบกับ สารละลายมาตรฐานด้วยเครื่อง UV/Vis spectrophotometer ที่ความยาวคลื่น 882 นาโนเมตร ปริมาณโพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ (exchangeable K, Ca, Mg) สกัดดินด้วย 1M NH 4 OAc. pH 7.0 วัดปริมาณด้วย เครื่อง Atomic Absorption Spectrophotometer (AAS) เทียบกับสารละลายมาตรฐาน (กลุ่มงานวิจัยเคมีดิน, 2544) 4. การวิเคราะห์สมบัติของชีวมวลที่ใช้ในการทดลอง วิเคราะห์สมบัติของชีวมวล (มูลวัว) โดยนำมาหาความชื้นโดยวิธี oven drying ที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส จนกระทั่งน้ำหนักคงที่ จากนั้นนำชีวมวลมาบดให้ละเอียด วัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) โดยใช้อัตราส่วนดินต่อน้ำ เท่ากับ 1:5 วัดค่าการนำไฟฟ้า (EC) ใช้อัตราส่วนดินต่อน้ำ เท่ากับ 1:10 เขย่าเป็นเวลา 30 นาที ทิ้งให้ตกตะกอน แล้วนำไปวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลายดินด้วยเครื่อง electrical conductivity วิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุ โดยวิธี Wet oxidation (Walkey and Black, 1934) วิเคราะห์ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด โดยวิธี Kjeldahl methodปริมาณฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมทั้งหมด โดยย่อยตัวอย่างด้วยกรดผสมเปอร์คลอริกและไนตริกอัตราส่วน 1 ต่อ 1 (1:1 HClO 4 :HNO 3 ) วัดปริมาณฟอสฟอรัสโดยวิธี Spectrophotometric molybdovanadophosphate method วัดปริมาณโพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมทั้งหมด ด้วยเครื่อง Atomic Absorption Spectrophotometer (AAS) (กลุ่มวิจัยเกษตรเคมี, 2551) 5. การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ โดยใช้อัตราส่วนระหว่างรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ปุ๋ย ต่อรายจ่ายจากการ ใช้ปุ๋ย หรือค่า Value to Cost Ratio (VCR) หากค่า VCR มากกว่า 2 แสดงว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ (Pevaiz et al., 2004) 6. วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ โดยเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย โดยวิธี DMRT (Duncan’s new multiple range test) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ทางสถิติของ IRRISTAT Version 3/93 Texture pH (1:1) EC (1:5) (dS/m) OM (%) Avail. P (mg/kg) Exch. K (mg/kg) Exch. Ca (mg/kg) Exch. Mg (mg/kg) clay loam 7.61 0.53 1.54 35.10 138.65 3,049 330 ตารางที่ 1 สมบัติของดินก่อนปลูกกระเจี๊ยบเขียว
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3