วารสารเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร ปีที่ 2 ฉบับที่ 2
บทนำ (Introduction) 28 Journal of Technology and Agricultural Innovation Vol. 2 No. 2 ( July - December 2024 ) ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหยาบของกัญชาสายพันธุ์ต่างประเทศ (Cluster Bomb) และสายพันธุ์ไทย (Thai Stick) พืชสกุลกัญชามีสารสำ คัญชื่อว่า "cannabinoids" ที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบ Endocannabinoid ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมสมดุลของร่างกาย เช่น การควบคุมปริมาณน้ำ ในร่างกาย การควบคุมการหายใจ การควบคุมความเครียด การควบคุมความเข้มข้นของสารอาหาร การควบคุมระดับน้ำ ตาลในเลือดและ อื่นๆ (Turner et al., 2017) สาร cannabinoids ที่มีความสำ คัญในกัญชา ได้แก่ delta-9- (THC) ที่เป็นสารที่มีความเสี่ยงในเรื่องของการก่อให้เกิดฤทธิ์ทางจิต ส่วน Cannabidiol (CBD) มีส่วนช่วย ในการลดอาการอักเสบ ควบคุมความวิตกกังวล และแก้ไขอาการเครียด กัญชายังมีสาร cannabinoids อื่นๆ (Romero-Sandoval et al., 2017) ที่มีคุณสมบัติทางการแพทย์ เช่น Cannabigerol (CBG), Cannabinol (CBN) และ Cannabichromene (CBC) นอกจากนี้ในกัญชายังมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย (Turner et al., 2017) การทดลองในห้องปฏิบัติการและการศึกษาต่างๆ พบว่า สาร Cannabinoids มีคุณสมบัติทางการต้านอนุมูลอิสระที่สูง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยป้องกันการเกิดพิษของเซลล์ จากสิ่งแวดล้อม เช่น สารเคมี แสงแดด และอื่นๆ ที่อาจทำ ให้เกิดความเสียหายกับเซลล์ของร่างกายได้ มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระในกัญชา โดยพบว่ากัญชามีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็น มาก อาทิเช่น วิตามินซี (Vitamin C), วิตามินอี (Vitamin E) และ โพลีฟีออล (Polyphenols) เป็นต้น (Turner et al., 2017) (Zagzoog et al., 2020) (Grof , 2018) tetrahydrocannabinol ระบบ จำ นวน ในปัจจุบันการใช้กัญชาในทางการแพทย์ในประเทศไทย ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นทางการอย่าง แพร่หลาย เนื่องจากยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2564 ได้มีการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขยอมรับในการใช้กัญชาในทางการแพทย์ และกฎระเบียบที่ควบคุมเข้มงวด เพื่อป้องกันการใช้กัญชาในทางการแพทย์เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคลหรือ ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม การใช้กัญชาในทางการแพทย์ในประเทศไทยได้รับความสนใจจากหลายภาคส่วน ของสังคม (Assanangkornchai et al., 2022) โดยเฉพาะในการรักษาอาการที่เกี่ยวกับการชัก (Epilepsy) (Huntsman et al., 2020) และอาการปวดเนื่องจากมะเร็ง (Cancer-related pain) (Jett et al., 2018) ซึ่งมี การทดลองใช้กัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วยบางรายแล้ว แสดงผลการรักษาที่ดีในหลายกรณี แต่การใช้กัญชาใน ทางการแพทย์ต้องใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนักและไม่สามารถรับการรักษาด้วยทางการแพทย์ทั่วไปได้ การควบคุมและดูแลตามมาตรฐานของแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยมีเงื่อนไข ต้องมี การปลูกกัญชาเพื่อการเกษตรในประเทศไทยได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากได้รับการแก้ไขให้ เป็นกฎหมายแล้วในบางกรณี โดยมีการออกประกาศของรัฐบาลว่าอนุญาตให้ปลูกกัญชาเพื่อใช้ในการผลิต ยาและการแพทย์ได้ เช่น กัญชาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ โดยกฎหมายได้กำ หนด เงื่อนไขในการปลูกกัญชาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องของปริมาณ THC ในกัญชาที่ต้องไม่เกินระดับ ที่กำ หนดโดยกฎหมาย (Assanangkornchai et al., 2022) การปลูกกัญชาเพื่อการเกษตรในประเทศไทย ยังเป็นเรื่องใหม่และยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและส่งเสริมการใช้งาน จึงต้องมีการศึกษาและพัฒนา การปลูกและการผลิตให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย และต้องได้รับการวิจัยของสายพันธุ์ กัญชาหรือสารสำ คัญในกัญชาที่มีส่วนช่วยให้สารออกฤทธิ์ดีที่สุดและเหมาะสมกับการเพาะปลูกใน ไทย เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำ สารสำ คัญไปใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ดังนั้น การพัฒนายาจากกัญชามี ความสำ คัญอย่างมาก และได้รับความสนใจจากนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ นอกจากนี้สาร จากกัญชามีส่วนผสมที่หลากหลายซึ่งมีฤทธิ์ต่างๆ และมีฤทธิ์ในการป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ดัง งานวิจัยครั้งนี้ ต้องการทดสอบพืชสกุลกัญชาสองสายพันธุ์ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยใช้สายพันธุ์ต่าง ประเทศ (Cluster Bomb) สายพันธุ์ไทย (Thai Stick) การศึกษาเปรียบเทียบปริมาณฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จากสารสกัดกัญชา โดยทำ การสกัดในส่วนของลำ ต้น ใบ และดอกในสายพันธุ์ต่างประเทศ (Cluster ที่เป็นสายพันธุ์ผสม (hybrid) ระหว่าง Cannabis Sativa L.กับ Cannabis Indica Lam และกัญชาสายพันธุ์ เทคโนโลยี ประเทศ สกัด นั้น Bomb) ไทย
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3