การประชุมวิชาการและผลงานวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ครั้งที่ 17 2550 - page 454

คํ
านํ
จากการที่
จํ
านวนสถานี
ตรวจอากาศที่
มี
การติ
ดตั้
งเครื่
องมื
อวั
ดรั
งสี
อาทิ
ตย
มี
ความหนาแน
นในเชิ
งพื้
นที่
น
อย
ดั
งนั้
นการใช
ระเบี
ยบวิ
ธี
เชิ
งตั
วเลขสํ
าหรั
บการศึ
กษาเกี่
ยวกั
บปริ
มาณรั
งสี
อาทิ
ตย
จึ
งเป
นทางเลื
อกหนึ่
งที่
มี
ประโยชน
การศึ
กษาเกี่
ยวกั
บพลั
งงานแสงอาทิ
ตย
ที่
ตกกระทบบนพื้
นโลกในช
วงเวลาหนึ่
งๆ การอาศั
ยการตรวจวั
ดโดยใช
ไพรา
นอมิ
เตอร
แสดงดั
งรู
ปที่
1 ในช
วงเวลาดั
งกล
าวยั
งไม
เพี
ยงพอเนื่
องจากในบรรยากาศที่
ไม
มี
เมฆปกคลุ
มนั้
นการกระเจิ
และการดู
ดกลื
นจะเป
นสาเหตุ
หลั
กทํ
าให
เกิ
ดการเปลี่
ยนแปลงของสเปคตรั
มและการกระจายเชิ
งพื้
นที่
ของฟลั
กซ
รั
งสี
อาทิ
ตย
น้ํ
าหนั
กของอิ
ทธิ
พลของปรากฏการณ
ทั้
งสองสั
มพั
นธ
กั
บอย
างใกล
ชิ
ดกั
บทางเดิ
นของแนวรั
งสี
และ
องค
ประกอบของบรรยากาศ และจากการที่
มวลอากาศสามารถคํ
านวณได
จากฟ
งก
ชั
นของพิ
กั
ดทางภู
มิ
ศาสตร
ดั
งนั้
จึ
งสามารถจํ
าแนกรู
ปแบบของแบบจํ
าลองรั
งสี
อาทิ
ตย
รวมออกเป
น 2 รู
ปแบบ กล
าวคื
อ แบบจํ
าลองเอมพิ
ริ
คั
ลและ
แบบจํ
าลองพารามิ
เตอร
แบบจํ
าลองเอมพิ
ริ
คั
ลเป
นผลมาจากการสร
างสมการตั
วแทนของชุ
ดข
อมู
ลระยะยาวและ
มั
กจะใช
กั
บสถานที่
ใดสถานที่
หนึ่
งเท
านั้
นทํ
าให
เป
นข
อจํ
ากั
ดสํ
าหรั
บการประยุ
กต
ใช
กั
บสถานที่
อื่
นๆ และเป
นข
อด
อย
เมื่
อเปรี
ยบเที
ยบกั
บแบบจํ
าลองพารามิ
เตอร
ซึ่
งมี
พื้
นฐานทางกายภาพที่
สมเหตุ
สมผลกั
บการใช
ข
อมู
ลทางอุ
ตุ
นิ
ยมวิ
ทยา
เป
นตั
วแปรอิ
นพุ
ทให
กั
บแบบจํ
าลอง ถึ
งแม
กระนั้
นเนื่
องจากความง
ายต
อการใช
งานแบบจํ
าลองเอมพิ
ริ
คั
ลยั
งคลมี
การ
ใช
งานกั
นอย
างกว
างขวาง
การสู
ญเสี
ยความเข
มเนื่
องจากเมฆที่
ปกคลุ
มท
องฟ
ามี
ความสํ
าคั
ญมากกว
าส
วนประกอบอื่
นๆ ของ
บรรยากาศ อย
างไรก็
ตามมั
กจะไม
พิ
จารณาตั
วแปรดั
งกล
าวเนื่
องจากการที่
เมฆปกคลุ
มท
องฟ
ามี
การกระจายตั
วอย
าง
สุ
มนั่
นเอง นอกจากนี้
การส
องผ
านเชิ
งแสงมี
ความสั
มพั
นธ
กั
บชนิ
ด ความสู
ง ความลึ
กและการขยายตั
วของชั้
นเมฆ
และส
วนใหญ
พารามิ
เตอร
เพี
ยงสองตั
วแรกเท
านั้
นที่
มั
กจะทราบค
า แบบจํ
าลองหลั
กที่
เกี่
ยวข
องกั
บการสู
ญเสี
ยความ
เข
มของรั
งสี
อาทิ
ตย
เนื่
องจากเมฆถู
กศึ
กษาโดย
mo Angstr
&&
1924 ต
อมา Kasten และ Czeplack 1979 ได
นํ
าเสนอ
แบบจํ
าลองที่
สั
มพั
นธ
กั
บปริ
มาณเมฆที่
ปกคลุ
มท
องฟ
าซึ่
งมั
กจะแสดงอยู
ในรู
ปของจํ
านวนชั่
วโมงที่
มี
แดด โดย
ที
พารามิ
เตอร
ดั
งกล
าวสามารถตรวจวั
ดได
โดยอาศั
ยอุ
ปกรณ
แสดงดั
งรู
ปที่
2
อุ
ณหภู
มิ
อากาศเป
นตั
วแปรทางอุ
ตุ
นิ
ยมวิ
ทยาพื้
นฐานที่
มี
การตรวจวั
ดทั่
วโลกแต
มั
กจะไม
ถู
กใช
สํ
าหรั
บการ
คํ
านวณค
าความเข
มรั
งสี
อาทิ
ตย
อย
างไรก็
ตามยั
งคงมี
บางแบบจํ
าลองที่
ใช
อุ
ณหภู
มิ
อากาศเป
นตั
วแปรอิ
นพุ
ท เช
แบบจํ
าลองของ Supit และ Van Kappel 1998 และได
มี
การนํ
าเสนอแบบจํ
าลองสํ
าหรั
บการประมาณค
ารั
งสี
อาทิ
ตย
โดยใช
ข
อมู
ลปริ
มาณเมฆที่
ปกคุ
ลมท
องฟ
า (Munner and Gul 2000) ถึ
งแม
กระนั้
นหลั
งจากที่
ได
มี
การศึ
กษา
เปรี
ยบเที
ยบระหว
างแบบจํ
าลองดั
งกล
าวกั
บแบบจํ
าลองของ
mo Angstr
&&
ผลแสดงให
เห็
นว
าแบบจํ
าลองของ
mo Angstr
&&
มี
ความถู
กต
องแม
นยํ
ามากกว
า (Paulescu et al. 2006)
รู
ปที่
1 Kipp & Zonen CM21 ไพรานอมิ
เตอร
1...,444,445,446,447,448,449,450,451,452,453 455,456,457,458,459,460,461,462,463,464,...702
Powered by FlippingBook