เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 422

บทนา
“เทอร์
โมพลาสติ
กอิ
ลาสโตเมอร์
” (Thermoplastic Elastomer, TPE) มี
ข้
อดี
กว่
ายางที่
สามารถแปรรู
ปด้
วย
กระบวนการปกติ
(Conventional Process) กล่
าวคื
อ เทอร์
โมพลาสติ
กอิ
ลาสโตเมอร์
มี
สมบั
ติ
เป็
นยางที่
อุ
ณหภู
มิ
การ
ใช้
งาน แต่
สามารถใช้
กระบวนการและเครื่
องมื
อแปรรู
ปท้
านองเดี
ยวกั
บเทอร์
โมพลาสติ
ก เช่
น กระบวนการฉี
ดเข้
าเบ้
(Injection moulding process) และกระบวนการเอกซ์
ทรู
ด (Extrusion Process) ท้
าให้
มี
ความสะดวกรวดเร็
ว และลด
เวลาในการแปรรู
ป ลั
กษณะเด่
นอี
กประการหนึ่
ง คื
อ สามารถน้
าเศษหรื
อผลิ
ตภั
ณฑ์
ที่
แปรรู
ปแล้
วมาหลอมใช้
ใหม่
ได้
(Recycle)
ปกติ
ไนลอนกั
บยางธรรมชาติ
ไม่
สามารถเบลนด์
เข้
ากั
นได้
เป็
นเนื้
อเดี
ยวกั
น เนื่
องจากไนลอนเป็
นพอลิ
เมอร์
ที่
มี
ขั้
ว ส่
วนยางธรรมชาติ
เป็
นพอลิ
เมอร์
ชนิ
ดไม่
มี
ขั้
ว ดั
งนั้
นการเบลนด์
เข้
ากั
นจึ
งจ้
าเป็
นต้
องใส่
ตั
วประสาน
(Compatibilizer) เพื่
อท้
าให้
สมบั
ติ
เชิ
งกลของคู่
ผสมนี้
ดี
และมี
ความเสถี
ยร ตั
วประสานในกรณี
นี้
เป็
นโคพอลิ
เมอร์
PA-NR โดยที่
กราฟโค-พอลิ
เมอร์
นี้
สามารถเกิ
ดปฎิ
กิ
ริ
ยาระหว่
างหมู่
เอมี
นปลายโซ่
โมเลกุ
ลของไนลอน 6 กั
บหมู่
แอนไฮไดรด์
ของยางธรรมชาติ
ที่
เกาะติ
ดด้
วยมาลิ
อิ
กแอนไฮไดรด์
ในกระบวนการเบลนด์
แล้
วท้
าการวั
ลคาไ นซ์
เฟสยางเพื่
อให้
เกิ
ดการกลั
บเฟส ให้
ไนลอน 6 เป็
นเฟสต่
อเนื่
อง ได้
เทอร์
โมพลาสติ
กอิ
ลาสโตเมอร์
ซึ่
งพอลิ
เมอร์
คู่
เบลนด์
นี้
น่
าสนใจมากเพราะไนลอน 6 เป็
นพอลิ
เมอร์
ที่
มี
ความเป็
นขั้
วสู
ง จึ
งมี
ความสามารถทนน้้
ามั
น และมี
อุ
ณหภู
มิ
หลอมสู
ง (T
m
= 230º) จึ
งคาดหวั
งว่
าจะได้
วั
สดุ
เทอร์
โมพลาสติ
กอิ
ลาสโตเมอร์
ที่
ทนน้้
ามั
นและอุ
ณหภู
มิ
ใช้
งานที่
สู
งขึ้
การเพิ่
มสารความเข้
ากั
นได้
เติ
มลงในพอลิ
เมอร์
เบลนด์
เพื่
อช่
วยปรั
บปรุ
งความเข้
ากั
นได้
โดย มี
การศึ
กษา การเข้
กั
นได้
ของการเบลนด์
ยางธรรมชาติ
กั
บไนลอน 6 โดยผสมยางธรรมชาติ
ไนลอน 6 และมาลิ
อิ
กแอนไฮไดรด์
พร้
อมกั
ผสมที่
อุ
ณหภู
มิ
240
o
C ใช้
สั
ดส่
วนยางธรรมชาติ
กั
บไนลอน 6 15/85 และ 25/75 และใช้
มาลิ
อิ
กแอนไฮไดร์
3% โดย
น้้
าหนั
กของยางธรรมชาติ
ผลการทดลองพบว่
ามาลิ
อิ
กแอนไฮไดร์
สามารถท้
าปฎิ
กิ
ริ
ยาของยางธรรมชาติ
กั
บไนลอน 6
เกิ
ดกราฟต์
โคพอลิ
เมอร์
ของยางธรรมชาติ
กั
บไนลอน 6 ดี
ขึ้
น Carone
et al
. (2000) และได้
มี
ศึ
กษาการเตรี
ยมเทอร์
-
โมพลาสติ
กอิ
ลาสโตเมอร์
จากการเบลนด์
ไนลอน 6 กั
บยางธรรมชาติ
ขั้
นตอนการเตรี
ยม แบ่
งออกเป็
น 2 ขั้
นตอน
กล่
าวคื
อขั้
นตอนที่
1 เบลนด์
ยางธรรมชาติ
กั
บไนลอน 6 ในสั
ดส่
วน 60/40 ด้
วยกระบวนการรี
แอกที
ฟเบลนด์
ใน
เครื่
องเอ็
กซ์
ทรู
ดเดอร์
สกรู
เดี่
ยว โดยใช้
มาลิ
อิ
กแอนไฮไดรด์
ในปริ
มาณ 1% โดยน้้
าหนั
กของ พอลิ
เมอร์
ทั้
งหมดเป็
นสาร
กระตุ้
นและเกิ
ดปฎิ
กิ
ริ
ยา ผลของปฎิ
กิ
ริ
ยารี
แอกที
ฟเบลนด์
ก่
อให้
เกิ
ดการเกาะติ
ดมาลิ
อิ
กแอนไฮไดรด์
บนยางธรรมชาติ
และเกิ
ดโคพอลิ
เมอร์
ระหว่
างยางธรรมชาติ
กั
บไนลอน 6 ท้
าให้
พอลิ
เมอร์
เบลนด์
ที่
ได้
มี
สมบั
ติ
เชิ
งกลดี
ขึ้
นและมี
ลั
กษณะ
สั
ณฐานวิ
ทยาที่
ละเอี
ยด ขั้
นตอนที่
2 ท้
าการไดนามิ
กวั
ลคาไนซ์
เฟสยางพอลิ
เมอร์
เบลนด์
ด้
วยระบบฟี
นอลิ
กเรซิ
น ที่
อุ
ณหภู
มิ
240
o
C ในขั้
นตอนนี้
ก่
อให้
เกิ
ดกระบวนการกลั
บเฟส หมายถึ
งไนลอน 6 เป็
นเฟสต่
อเนื่
อง และเกิ
ดการวั
ลคา
ไนซ์
ในเฟสยาง ท้
าให้
ความสามารถด้
านสั
ณฐานวิ
ทยาของการเบลนด์
ดี
ขึ้
น เทอร์
โมพลาสติ
กอิ
ลาสโตเมอร์
ที่
ได้
สามารถแปรรู
ปได้
เช่
นเดี
ยวกั
บ โดยมี
อุ
ณหภู
มิ
หลอมที่
สู
งโดยมี
การเสื่
อมของเฟสยางลดน้
อยลง มี
สมบั
ติ
ด้
านการยื
ดและ
1...,412,413,414,415,416,417,418,419,420,421 423,424,425,426,427,428,429,430,431,432,...1102
Powered by FlippingBook