N
İ (ʌR-d)
1
1
1
0 k =
2
+
1
t 2(n-1)ǻd d+2(n-1)ǻd 2t 2(R-t)
N n=1
+
+
İ
İ
İ
İ İ
m
w
w
m
m
ª
º
§
·
«
»
¨
¸
«
»
¨
¸
¦
«
»
¨
¸
¨
¸
«
»
©
¹
¬
¼
N
İ (ʌR-d)
1
1
1
0 k =
2
+
2
t 2(n-1)ǻd d+2(n-1)ǻd 2t 2(R-t)
N n=1
+
+
İ
İ
İ
İ
İ
m m a
m a
ª
º
§
·
«
»
¨
¸
«
»
¨
¸
¦
«
»
¨
¸
«
»
¨
¸
©
¹
¬
¼
รู
ปที่
1 รู
ปแบบของหั
ววั
ดความจุ
ไฟฟ้
าแบบกึ
่
งทรงกระบอก
ดั
งนั
้
นการคํ
านวณค่
าความจุ
ไฟฟ้
าของหั
ววั
ดความจุ
ไฟฟ้
าแบบกึ
่
งทรงกระบอกจะประยุ
กต์
โดยใช้
ทฤษฎี
ระเบี
ยบวิ
ธี
เชิ
งตั
วเลข โดยแบ่
งแผ่
นโลหะ 2 แผ่
นที่
อยู
่
ในรู
ปกึ
่
งทรงกระบอกของตั
วเก็
บประจุ
ให้
เป็
นจํ
านวน
n
แผ่
นซึ
่
งมี
ระยะห่
าง
ระหว่
างแผ่
นเพิ่
มขึ
้
นเป็
น
ǻd
สมการวิ
เคราะห์
หาค่
าความจุ
ไฟฟ้
าระหว่
างแผ่
นโลหะ 2 แผ่
นเล็
กๆที่
มี
ระยะห่
างกั
นประมาณ
d
และมี
พื
้
นที่
เล็
กๆ
A
เมื่
อทํ
าการวั
ดระดั
บของเหลวโดยทั่
วไปค่
าความจุ
ไฟฟ้
าจะมี
ค่
าเท่
ากั
บ ความจุ
ไฟฟ้
าระหว่
างขั
้
วไฟฟ้
า
ที่
อยู
่
ตํ
่
ากว่
าของเหลว- อากาศที่
เชื่
อมต่
อสามารถหาค่
าความจุ
ไฟฟ้
าโดยแบ่
งได้
เป็
นความจุ
ไฟฟ้
าเนื่
องจากส่
วนที่
จุ่
มลง
ของเหลวซึ
่
งมี
ขนาดความสู
งเป็
น
h
รวมกั
บความจุ
ไฟฟ้
าเนื่
องจากส่
วนที่
เป็
นอากาศซึ
่
งมี
ความสู
งที่
เหลื
อเท่
ากั
บ
L-h
เมื่
อ
L
คื
อความยาวของท่
อ ความจุ
ไฟฟ้
าของทั
้
งสองนี
้
ต่
อกั
นแบบขนาน แต่
หั
ววั
ดแบบกึ
่
งทรงกระบอกที่
สร้
างขึ
้
นนี
้
มี
ขอบความ
หนาของท่
อเป็
น
t
ดั
งนั
้
นจึ
งต้
องคํ
านึ
งถึ
งค่
าความจุ
ไฟฟ้
าเนื่
องจากความหนาของท่
อด้
วย เมื่
อกํ
าหนดให้
ความจุ
ไฟฟ้
ารวม
ส่
วนของเหลวกั
บวั
สดุ
C1
และค่
าความจุ
ไฟฟ้
ารวมส่
วนของอากาศกั
บวั
สดุ
C 2
โดยที่
หาค่
าความจุ
ไฟฟ้
ารวมได้
ดั
งนี
้
C= (L-h)k +hk 2 1
(1)
โดยที่
2R -d
ǻd =
2N
,
ʌR -d
A= ah =
h
N
§
·
¨
¸
©
¹
เมื่
อกํ
าหนดให้
และ
เมื่
อ
0İ
เป็
นค่
าสภาพยอม(Permittivity) ของอากาศว่
าง(8.85 pF/m)
mİ
เป็
นค่
าไดอิ
เล็
กตริ
กของวั
สดุ
aİ
เป็
นค่
า
ไดอิ
เล็
กตริ
กของอากาศ
İ w
เป็
นค่
าไดอิ
เล็
กตริ
กของของเหลว และ
A
เป็
นพื
้
นที่
ของแผ่
นโลหะ
352
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555