เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัย ครั้งที่ 21 / 2554 (Oral) - page 618

4
ของปั ญหาพบว่ าจากปัญหาผลิตภัณฑ์ บกพร่องจากน้ ายาเคลือบผิวนั้ นลักษณะปั ญหาที่พบในปริ มาณที่สู ง คือ ของน้ ายา
เคลื อบผิวซีดด้านซึ่ งคิดเป็ น 69.31% ของปั ญหาน้ายาเคลื อบผิว ดังแสดงในภาพที่ 3
ภาพที่ 3 กราฟพาเรโตลาดับความสาคัญของปัญหาผลิตภัณฑ์บกพร่ องจากน้ายาเคลื อบผิว
จากการวัดน้ าหนักน้ ายาเคลือบผิ วโดยแบ่งพื้นที่ผิวกระเบื้ องเป็ น 3 ส่วน สามารถสรุ ปได้ว่าความบกพร่องดังกล่าว
เกิดจากความไม่สม่าเสมอของการพ่นน้ายาเคลื อบผิว ดังแสดงในภาพที่ 4 ซึ่ งมีค่าความสามารถกระบวนการ Pp คิดเป็ น 0.57
และ Ppk คิ ดเป็ น 0.39 ดังแสดงในภาพที่ 5 เมื่ อทาการวิเคราะห์สาเหตุโดยใช้กลุ่ มบุคคลที่ ประกอบด้วยผู้จัดการโรงงาน
หัวหน้างานผลิต และพนักงานที่ มีประสบการณ์ทางานไม่น้อยกว่า 5 ปี ทาให้ สามารถสรุปได้ว่าปั จจัยของระบบการพ่นน้ ายา
เคลื อบผิวเป็ นสาเหตุสาคัญของปัญหาดังกล่าว เนื่องจากการปรับปรุ งที่เกิดขึ้ นนี้ ไม่ควรจะส่ งผลกระทบต่อค่าความแข็งแรงซึ่ ง
ถื อเป็ นคุณภาพทางคุณสมบัติทางกลที่สาคัญต่ อสมรรถภาพการใช้งานของผลิ ตภัณฑ์ ดังนั้ น จึงทาการกาหนดค่าอ้างอิงและ
ขอบเขตสาหรับการปรั บปรุ งกระบวนการ คือ หลังการปรั บปรุ งค่าความแข็ งแรงของผลิตภัณฑ์ต้องไม่น้อยไปกว่าเดิมและ
ต้องมีความสามารถของกระบวนการ (Ppk) ไม่ต่ ากว่า 0.87 ซึ่ งเป็ นความสามารถกระบวนการ ณ ปัจจุ บัน อี กทั้งในการ
ปรับปรุ งนี้ จะใช้อัตราส่ วนผสมทรายต่อปูนซี เมนต์คิดเป็ น 3.0 ต่ อ 1.0 ซึ่ งพบว่าเป็ นอัตราส่ วนผสมที่ให้ค่าความแข็งแรงของ
ผลิตภัณฑ์ตามค่าที่ ต้องการ เพื่ อให้เกิดการใช้วัตถุดิ บอย่างคุ ้ มค่า
ภาพที่ 4 น้ าหนักน้ ายาเคลือบผิว 3 ส่ วน และตาแหน่งการวัดน้ าหนักน้ ายาเคลือบผิว