6
แบคที
เรี
ย A3 สามารถดู
ดซั
บสี
มาลาไคธ
กรี
นได
สู
งถึ
ง 81.95% (ในอาหารเลี้
ยงเชื้
อ LMG) ส
วนแบคที
เรี
ย A1 สามารถดู
ด
ซั
บสี
มาลาไคธ
กรี
นได
45.66% (ในอาหารเลี้
ยงเชื้
อ NMG) แต
จะดู
ดซั
บสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตได
เพี
ยง 11.74% (ในอาหาร
เลี้
ยงเชื้
อ NCV) อย
างไรก็
ตามไม
พบการดู
ดซั
บสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตในอาหารเลี้
ยงเชื้
อ LCV ในแบคที
เรี
ยทั้
ง 2 ไอโซเลต
เมื่
อศึ
กษาการเปลี่
ยนแปลงสเปคตรั
มของสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตหรื
อสี
มาลาไคธ
กรี
นที่
ความยาวคลื่
น 305-680 นาโน-
เมตร พบว
าสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตในอาหาร LB จะมี
ค
าการดู
ดกลื
นแสงสู
งสุ
ด 2 ช
วงคื
อ 305 และ 605 นาโนเมตร ในอาหาร
NB จะมี
ค
าการดู
ดกลื
นแสงสู
งสุ
ด 2 ช
วงคื
อ 300 และ 580 นาโนเมตร ส
วนสี
มาลาไคธ
กรี
นในอาหาร LB พบว
าค
าการ
ดู
ดกลื
นแสงสู
งสุ
ด 2 ช
วง คื
อ 292 และ 597 นาโนเมตร และสี
มาลาไคธ
กรี
นในอาหาร NB พบว
าค
าการดู
ดกลื
นแสงสู
งสุ
ด
2 ช
วง คื
อ 592 และ 617 นาโนเมตร เห็
นได
ว
าค
าการดู
ดกลื
นแสงที่
ความยางคลื่
นดั
งกล
าวจะลดลงเมื่
อเที
ยบกั
บสเปคตรั
ม
ของสี
เริ่
มต
นหรื
อสเปคตรั
มของ control (ภาพที่
1) ซึ่
งสอดคล
องกั
บการศึ
กษาของป
ยวรรณ คลั
งชํ
านาญ (2544) ที่
ศึ
กษา
การเปลี่
ยนแปลงสเปคตรั
มของสี
คริ
สตั
ลไวโอเลต ที่
ความยาวคลื
่
น 200-700 นาโนเมตร พบว
าสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตจะมี
ค
า
การดู
ดกลื
นแสง 2 ช
วง คื
อ 295 และ 590 นาโนเมตร โดยพบว
าสเปคตรั
มของสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตที่
ความยาวคลื่
น
590 นาโนเมตร จะลดลงเมื่
อเปรี
ยบเที
ยบกั
บสเปคตรั
มของสี
เริ่
มต
นและไม
พบการดู
ดกลื
นแสงที่
ความยาวคลื่
นอื่
นตลอด
7 วั
น แสดงว
า แบคที
เรี
ยทํ
าให
ความเข
มข
นของสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตลดลงได
แต
ไม
พบสารตั
วกลางชนิ
ดอื่
นที่
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ดู
ดกลื
นแสงที่
เกิ
ดขึ้
น
แบคที
เรี
ยทั้
ง 2 ไอโซเลตย
อมติ
ดสี
แกรมลบ รู
ปท
อน และให
ผลการทดสอบทางชี
วเคมี
วิ
นิ
จฉั
ยได
เป
น
Enterobacter
gergoviae
ซึ่
งเป
นแบคที
เรี
ยที่
พบได
ในสิ่
งแวดล
อม เช
น ดิ
น น้ํ
า อากาศ น้ํ
าเสี
ย และเป
นแบคที
เรี
ยก
อโรคในโรงพยาบาล
กล
าวได
ว
าเป
นเชื้
อฉวยโอกาส สามารถก
อโรคในคนที่
มี
ภู
มิ
คุ
มกั
นต่ํ
า คนชรา ผู
ป
วย เป
นต
น สามารถพบได
ในลํ
าไส
คน
และสั
ตว
การที่
แบคที
เรี
ยทั้
ง 2 ไอโซเลตสามารถย
อยสลายสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตและสี
มาลาไคธ
กรี
นได
นั้
นอาจเนื่
องมาจาก
มี
โครงสร
างที่
เสริ
มให
แบคที
เรี
ยมี
ความทนทานต
อสิ่
งแวดล
อม เช
น โครงสร
างเป
นเยื่
อหุ
มเซลล
ที่
อยู
ชั้
นนอก (outer
membrane) (Most and Foster, 1995) นอกจากนี้
ยั
งมี
รายงานว
าแบคที
เรี
ยแกรมลบสามารถย
อยสลายสารประกอบ
อะโรมาติ
กได
(Mutzel
et al
., 1996) อย
างไรก็
ตามความสามารถในการย
อยสลายสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตหรื
อสี
มาลาไคธ
กรี
น
โดยแบคที
เรี
ยยั
งขึ้
นอยู
กั
บชนิ
ดและจํ
านวนเซลล
ของแบคที
เรี
ย ระยะเวลาในการย
อยสลายสี
ย
อม รวมทั้
งชนิ
ดและความ
เข
มข
นของสี
ย
อม ซึ่
งมี
รายงานว
าแบคที
เรี
ยเจริ
ญได
ง
ายในบริ
เวณที่
มี
ความเข
มข
นของสี
ย
อมต่ํ
า เนื่
องจากว
าในบริ
เวณที่
มี
ความเข
มข
นของสี
ย
อมสู
งจะมี
ความเป
นพิ
ษต
อเซลล
แบคที
เรี
ยสู
ง (Lamian
et al
., 2009) ดั
งนั้
นการแก
ป
ญหาการ
ปนเป
อนของสี
ย
อมในสิ่
งแวดล
อม จึ
งต
องคํ
านึ
งถึ
งป
จจั
ยดั
งกล
าวเป
นสํ
าคั
ญ ทํ
าให
ประสิ
ทธิ
ภาพในการย
อยสลายสี
ย
อมได
ดี
ยิ่
งขึ้
นเพื่
อฟ
นฟู
สภาพแวดล
อมต
อไป
สรุ
ปผลการวิ
จั
ย
แบคที
เรี
ย A1 หรื
อ A3 ที่
คั
ดแยกได
จากห
องปฏิ
บั
ติ
การจุ
ลชี
ววิ
ทยาภายในอาคารเครื่
องมื
อวิ
ทยาศาสตร
และ
เทคโนโลยี
8 มหาวิ
ทยาลั
ยวลั
ยลั
กษณ
ย
อมติ
ดสี
แกรมลบ รู
ปท
อน และถู
กวิ
นิ
จฉั
ยเป
น
Ent. gergoviae
ด
วยชุ
ดทดสอบ
ทางชี
วเคมี
แสดงสมบั
ติ
ในการย
อยสลายสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตหรื
อสี
มาลาไคธ
กรี
นได
ที่
ความเข
มข
น 500 มิ
ลลิ
กรั
มต
อลิ
ตร
โดยที่
แบคที
เรี
ยทั้
ง 2 ไอโซเลต สามารถย
อยสลายสี
ย
อมทั้
ง 2 ชนิ
ดได
ดี
ใช
เวลาเพี
ยง 1-2 วั
น เมื่
อเลี้
ยงในอาหารเลี้
ยงเชื้
อที่
มี
สี
ย
อมคริ
สตั
ลไวโอเล็
ต (LCV หรื
อ NCV) หรื
อสี
ย
อมมาลาไคธ
กรี
น (LMG หรื
อ NMG) และพบการเปลี่
ยนแปลงลดลง
ของสเปคตรั
มสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตหรื
อสี
มาลาไคธ
กรี
นที่
ความยาวคลื่
นเดิ
ม (305-680 นาโนเมตร) นอกจากนี้
ยั
งพบว
า
แบคที
เรี
ย A3 มี
ความทนทานต
อสี
ย
อมที่
ความเข
มข
นสู
งสุ
ดถึ
ง 10,000 มิ
ลลิ
กรั
มต
อลิ
ตร อี
กทั้
งยั
งพบว
าเซลล
ตายของ
แบคที
เรี
ยทั้
ง 2 ไอโซเลต มี
ความสามารถในการดู
ดซั
บสี
คริ
สตั
ลไวโอเลตหรื
อสี
มาลาไคธ
กรี
นไม
แตกต
างกั
น
1136
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555