4
ผลการวิ
จั
ยและอภิ
ปรายผลการวิ
จั
ย
มี
ผู
สนใจเข
าร
วมการศึ
กษา 73 ราย ผ
านเกณฑ
การคั
ดเลื
อกและยิ
นยอมเข
าร
วมการศึ
กษา 67 ราย เป
นกลุ
มศึ
กษา
34 ราย และกลุ
มควบคุ
ม 33 ราย กลุ
มศึ
กษามี
อาสาสมั
ครสู
ญหายระหว
างการศึ
กษา 5 รายและขอถอนตั
วก
อนสิ้
นสุ
ด
การศึ
กษาเนื่
องจากเกิ
ดเหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
1 ราย กลุ
มควบคุ
มมี
อาสาสมั
ครสู
ญหายระหว
างการศึ
กษา 7 ราย ขอถอน
ตั
วก
อนสิ้
นสุ
ดการศึ
กษาเนื่
องจากทนต
ออาการถอนนิ
โคติ
นไม
ได
1 รายและเกิ
ดเหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
1 ราย
ข
อมู
ลพื้
นฐานของอาสาสมั
ครกลุ
มศึ
กษาและกลุ
มควบคุ
ม
อาสาสมั
ครร
อยละ 91 เป
นเพศชาย อายุ
เฉลี่
ย 40.66 ± 13.18 ป
ส
วนใหญ
มี
การศึ
กษาระดั
บประถมศึ
กษา ซึ่
ง
สอดคล
องกั
บข
อมู
ลการสรุ
ปสถานการณ
การควบคุ
มการบริ
โภคยาสู
บของประเทศไทย พ.ศ.
2554 โดยศู
นย
วิ
จั
ยและ
จั
ดการความรู
เพื่
อการควบคุ
มยาสู
บ (ศจย.) (ศิ
ริ
วรรณและประภาพรรณ, 2554) ที่
พบว
าอั
ตราการสู
บบุ
หรี่
ของเพศชายเป
น
ร
อยละ 40.47 ซึ่
งมากกว
าเพศหญิ
ง (ร
อยละ 2.01) โดยกลุ
มที่
มี
การศึ
กษาระดั
บประถมศึ
กษามี
อั
ตราการสู
บบุ
หรี่
ป
จจุ
บั
นสู
ง
ที่
สุ
ด นอกจากนี้
พบว
ากลุ
มอายุ
ที่
มี
อั
ตราการลดการสู
บบุ
หรี่
อย
างต
อเนื่
องในรอบ 18 ป
(พ.ศ. 2534-2552) คื
อกลุ
มที่
มี
อายุ
41-59 ป
และอายุ
60 ป
ขึ้
นไป ซึ่
งเป
นช
วงอายุ
ที่
ใกล
เคี
ยงกั
บอายุ
เฉลี่
ยของอาสาสมั
ครในการศึ
กษาครั้
งนี้
สํ
าหรั
บประวั
ติ
การสู
บบุ
หรี่
พบว
าสู
บบุ
หรี่
เฉลี่
ย 13.55 ± 9.01 มวน/วั
น โดยมี
ระดั
บการติ
ดนิ
โคติ
นจากแบบประเมิ
น FTND ระดั
บปาน
กลาง (4.22 ± 1.93) ร
อยละ 74.6 เคยมี
ประวั
ติ
เลิ
กบุ
หรี่
โดยร
อยละ 90 เคยเลิ
กบุ
หรี่
ไม
เกิ
น 3 ครั้
งส
วนใหญ
ร
อยละ 76 ใช
วิ
ธี
หั
กดิ
บและเลิ
กได
ไม
เกิ
น 1 สั
ปดาห
เมื่
อทดสอบความแตกต
างทางสถิ
ติ
ของข
อมู
ลพื้
นฐานของกลุ
มศึ
กษาและกลุ
ม
ควบคุ
มพบว
าไม
แตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ดั
งตารางที่
1
ประสิ
ทธิ
ภาพของยาอมเม็
ดแข็
งหญ
าดอกขาว
อั
ตราการเลิ
กบุ
หรี่
ในช
วง 7 วั
นก
อนวั
นประเมิ
นผล (7 day point prevalence abstinence rate, PAR)
พบว
าใน
สั
ปดาห
ที่
2 กลุ
มศึ
กษาและกลุ
มควบคุ
มสามารถเลิ
กบุ
หรี่
ได
สํ
าเร็
จตั้
งแต
วั
นกํ
าหนดเลิ
กบุ
หรี่
เป
นร
อยละ 41.2 และ 24.2
ตามลํ
าดั
บ (
P
=0.140, OR=2.188, 95% CI: 0.766-6.245) เมื่
อสิ้
นสุ
ดระยะของการใช
ยาอมในสั
ปดาห
ที่
4 พบว
า
อาสาสมั
ครที่
เลิ
กบุ
หรี่
สํ
าเร็
จในสั
ปดาห
ที่
2 กลั
บมาสู
บบุ
หรี่
ใหม
ในกลุ
มศึ
กษา 3 ราย และในกลุ
มควบคุ
ม 1 ราย มี
อาสาสมั
ครที่
สามารถเลิ
กบุ
หรี่
ได
สํ
าเร็
จเพิ่
มกลุ
มละ 2 ราย ทํ
าให
PAR ในกลุ
มศึ
กษาลดลงเป
นร
อยละ 38.2 และ PAR ใน
กลุ
มควบคุ
มเพิ่
มขึ้
นเป
นร
อยละ 27.3 (
P
=0.339, OR=1.651, 95% CI: 0.588-4.634) สํ
าหรั
บสั
ปดาห
ที่
8 พบว
า กลุ
มศึ
กษา
ที่
เลิ
กบุ
หรี่
ได
สํ
าเร็
จตั้
งแต
วั
นกํ
าหนดเลิ
กบุ
หรี่
กลั
บมาสู
บบุ
หรี่
ใหม
1 รายและมี
อาสาสมั
ครที่
เลิ
กบุ
หรี่
สํ
าเร็
จเพิ่
มขึ้
น 2 ราย
สํ
าหรั
บกลุ
มควบคุ
มมี
อาสาสมั
ครที่
เลิ
กบุ
หรี่
สํ
าเร็
จเพิ่
มขึ้
น 2 ราย เป
นรายใหม
1 รายและอี
ก 1 รายเป
นผู
ที่
กลั
บไปสู
บบุ
หรี่
ในสั
ปดาห
ที่
4 และสามารถเลิ
กบุ
หรี่
ได
อี
กครั้
งในสั
ปดาห
นี้
จนสิ้
นสุ
ดการศึ
กษา ทํ
าให
PAR ในสั
ปดาห
ที่
8 เป
นร
อยละ
41.2 และ 33.3 ในกลุ
มศึ
กษาและกลุ
มควบคุ
มตามลํ
าดั
บ (
P
=0.507, OR=1.400, 95% CI: 0.518-3.787) สํ
าหรั
บในสั
ปดาห
ที่
12 กลุ
มศึ
กษาสามารถเลิ
กบุ
หรี่
ได
สํ
าเร็
จเพิ่
มขึ้
น 1 รายและอาสาสมั
คร 1 รายที่
เลิ
กบุ
หรี่
ได
สํ
าเร็
จตั้
งแต
วั
นกํ
าหนดเลิ
ก
บุ
หรี่
แต
กลั
บมาสู
บบุ
หรี่
ใหม
ในสั
ปดาห
ที่
8 สามารถเลิ
กบุ
หรี่
ได
อี
กครั้
งในสั
ปดาห
ที่
12 ต
างจากอาสาสมั
ครในกลุ
ม
ควบคุ
มที่
พบว
า 2 รายที่
เลิ
กบุ
หรี่
ได
สํ
าเร็
จตั้
งแต
วั
นกํ
าหนดเลิ
กบุ
หรี่
กลั
บมาสู
บบุ
หรี่
ใหม
อี
กครั้
งทํ
าให
PAR ในกลุ
มศึ
กษา
และกลุ
มควบคุ
มเป
นร
อยละ 47.1 และ 27.3 (
P
= 0.094, OR= 2.370, 95% CI: 0.855-6.573) จากข
อมู
ลดั
งกล
าวแสดงให
เห็
นว
าอั
ตราการเลิ
กบุ
หรี่
ในช
วง 7 วั
น ก
อนวั
นประเมิ
นผลของกลุ
มศึ
กษาสู
งกว
ากลุ
มควบคุ
ม เมื่
อทดสอบความแตกต
าง
ทางสถิ
ติ
พบว
ามี
ความแตกต
างกั
นอย
างไม
มี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ในทุ
กสั
ปดาห
ที่
ติ
ดตาม ดั
งรู
ปที่
1
1517
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555