full2012.pdf - page 1520

7
ข
อสั
งเกตว
ายาอมเม็
ดแข็
งหญ
าดอกขาวอาจไม
ได
ช
วยเพิ่
มอั
ตราการเลิ
กบุ
หรี่
ในผู
ที่
ติ
ดบุ
หรี่
ระดั
บต่ํ
าซึ่
งสอดคล
องกั
แนวทางปฏิ
บั
ติ
ของ U.S. Department of Health and Human Services ที่
แนะนํ
าให
เริ่
มต
นด
วยการให
คํ
าปรึ
กษาที่
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพเพื่
อช
วยเลิ
กบุ
หรี่
ให
สํ
าเร็
จในผู
ที่
ต
องการเลิ
กบุ
หรี่
ที่
สู
บบุ
หรี่
ไม
เกิ
น 10 มวน/วั
น ส
วนประโยชน
จากการใช
ยา
เลิ
กบุ
หรี่
นั้
นยั
งไม
มี
หลั
กฐานสนั
บสนุ
นที่
เพี
ยงพอ (Fiore et al, 2008)
สํ
าหรั
บผู
ที่
สู
บบุ
หรี
เกิ
น 10 มวน/วั
น พบว
า CAR ที่
12 สั
ปดาห
ของกลุ
มศึ
กษาสู
งกว
ากลุ
มควบคุ
มอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
โดยเป
นร
อยละ 26.7 และ 0 (
P
=0.043) ซึ่
งจากแนวทางปฏิ
บั
ติ
ของ U.S. Department of Health and
Human Services แนะนํ
าว
าผู
ที่
ต
องการเลิ
กบุ
หรี่
ที่
สู
บบุ
หรี่
ระดั
บปานกลางถึ
งจั
ดทุ
กรายควรได
รั
บการพิ
จารณาให
ยาเพื่
ลดอาการถอนนิ
โคติ
นและเพิ่
มอั
ตราสํ
าเร็
จในการเลิ
กบุ
หรี่
ร
วมกั
บการให
คํ
าปรึ
กษาตั้
งแต
เริ่
มต
นการรั
กษา (Fiore et al,
2008) จากการศึ
กษาครั้
งนี้
มี
ข
อสั
งเกตว
ายาอมเม็
ดแข็
งหญ
าดอกขาวมี
แนวโน
มช
วยเพิ่
มอั
ตราการเลิ
กบุ
หรี่
อย
างต
อเนื่
องที่
12 สั
ปดาห
ซึ่
งอาจเป
นอี
กทางเลื
อกหนึ่
งในการช
วยเลิ
กบุ
หรี่
ในผู
ที่
สู
บบุ
หรี่
เกิ
น 10 มวน/วั
น ดั
งนั้
นควรมี
การศึ
กษาเพิ่
มเติ
เพื่
อพิ
สู
จน
ประสิ
ทธิ
ภาพในการเลิ
กบุ
หรี่
ของยาอมเม็
ดแข็
งหญ
าดอกขาวสํ
าหรั
บผู
ต
องการเลิ
กบุ
หรี่
กลุ
มดั
งกล
าว
ความร
วมมื
อในการใช
ยา
ร
อยละของอาสาสมั
ครที่
มี
ความร
วมมื
อในการใช
ยาไม
น
อยกว
าร
อยละ
80
ไม
มี
ความแตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ระหว
างกลุ
มศึ
กษาและกลุ
มควบคุ
ม โดยคิ
ดเป
นร
อยละ 73.5 และ 66.7 (
P
=0.539), ร
อยละ 73.5 และ
72.7 (
P
=0.941) และร
อยละ 76.5 และ 60.6 (
P
=0.162)ในสั
ปดาห
ที่
1, 2 และ 4 ตามลํ
าดั
เหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
จากการใช
ยาอม
เหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
ที่
พบบ
อยในกลุ
มศึ
กษา ได
แก
อาการง
วงนอน ร
อยละ 38.2 อาการชาลิ้
น ลิ้
นไม
รั
บรส ,
เหม็
นกลิ่
นบุ
หรี่
และเวี
ยนศี
รษะหน
ามื
ด พบเท
ากั
นเป
นร
อยละ 26.5 และไม
อยากสู
บบุ
หรี่
ร
อยละ 20.6
เหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
ที่
พบบ
อยในกลุ
มควบคุ
ม ได
แก
เหม็
นกลิ่
นบุ
หรี่
ร
อยละ 27.3 คลื่
นไส
อาเจี
ยน ร
อยละ
18.2 ชาลิ้
น ลิ้
นไม
รั
บรสและค
าเอนไซม
ตั
บ AST เพิ่
มขึ้
น พบเท
ากั
นเป
นร
อยละ 15.2 โดยค
าเอนไซม
ตั
บ AST เพิ่
มขึ้
น 2-3
เท
าจากค
าเดิ
มก
อนได
รั
บยาอมโดยไม
มี
อาการแสดงของภาวะตั
บอั
กเสบและลดลงได
เองในการติ
ดตามครั้
งถั
ดไป และ
ข
อมู
ลจากการสั
มภาษณ
ทํ
าให
มี
ข
อสั
งเกตว
าน
าจะสั
มพั
นธ
กั
บการดื่
มแอลกอฮอล
ก
อนวั
นมาเจาะเลื
อด
จากการทดสอบทางสถิ
ติ
พบว
าเหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
ที่
เกิ
ดขึ้
นไม
แตกต
างกั
นอย
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
ยกเว
นอาการง
วงนอนพบในกลุ
มศึ
กษาร
อยละ 38.2 และกลุ
มควบคุ
มร
อยละ 12.1 (
P
=0.014) อย
างไรก็
ดี
อาการดั
งกล
าว
อาจเป
นผลจากการถอนนิ
โคติ
นได
เช
นกั
นอกจากนี้
ไม
พบเหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
ที่
รุ
นแรงระหว
างใช
ยาอม สํ
าหรั
บเหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
ที่
เป
สาเหตุ
ให
อาสาสมั
ครขอถอนตั
วก
อนสิ้
นสุ
ดการศึ
กษา คื
อ อาการแน
นหน
าอกในกลุ
มศึ
กษา 1 ราย และอาการคลื่
นไส
อาเจี
ยน ในกลุ
มควบคุ
ม 1 ราย
สรุ
ปผลการวิ
จั
การใช
ยาอมเม็
ดแข็
งหญ
าดอกขาวเป
นเวลา 4 สั
ปดาห
ร
วมกั
บการให
คํ
าปรึ
กษาโดยเภสั
ชกรให
อั
ตราสํ
าเร็
จใน
การเลิ
กบุ
หรี่
ที่
12 สั
ปดาห
มากกว
ายาหลอกโดยมี
ความแตกต
างกั
นอย
างไม
มี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
และไม
พบรายงานของ
เหตุ
การณ
ไม
พึ
งประสงค
ที่
รุ
นแรง
1520
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555
1...,1510,1511,1512,1513,1514,1515,1516,1517,1518,1519 1521,1522,1523,1524,1525,1526,1527,1528,1529,1530,...1917
Powered by FlippingBook