Î
µ
จากปั
ญหาราคานํ
้
ามั
นปิ
โตรเลี
ยมที่
ปรั
บตั
วสู
งขึ
้
นอย่
างต่
อเนื่
อง ได้
ส่
งผลกระทบอย่
างรุ
นแรงต่
อภาคเศรษฐกิ
จ
โดยรวม และอาจเป็
นอุ
ปสรรคต่
อการขยายตั
วทางเศรษฐกิ
จของประเทศในปั
จจุ
บั
นและอนาคต ทั
้
งนี
้
เพราะประเทศไทย
มี
แหล่
งนํ
้
ามั
นดิ
บไม่
เพี
ยงพอกั
บความต้
องการ ทํ
าให้
ต้
องพึ
่
งพาการนํ
าเข้
าจากต่
างประเทศ ขณะที่
ความต้
องการมี
แนวโน้
มสู
งขึ
้
นเป็
นลํ
าดั
บ โดยเฉพาะนํ
้
ามั
นดี
เซลที่
ใช้
ในภาคขนส่
งเป็
นหลั
ก ดั
งนั
้
นจึ
งต้
องเร่
งพั
ฒนาพลั
งงานทดแทน
นํ
้
ามั
นปิ
โตรเลี
ยม โดยเฉพาะพลั
งงานทดแทนนํ
้
ามั
นดี
เซล โดยการศึ
กษาวิ
จั
ยและพั
ฒนาวั
ตถุ
ดิ
บภายในประเทศ
เช่
น นํ
้
ามั
นพื
ชชนิ
ดต่
างๆ มาผลิ
ตเป็
นผลิ
ตภั
ณฑ์
ใช้
แทนนํ
้
ามั
นดี
เซล เรี
ยกว่
า ไบโอดี
เซล (Biodiesel) (Kandpal and
Madan, 1994)
ไบโอดี
เซล หมายถึ
ง สารประกอบโมโนอั
ลคิ
ลเอสเตอร์
(Mono-Alkyl Ester) ซึ
่
งเป็
นผลผลิ
ตจาก
ปฏิ
กิ
ริ
ยาทรานส์
เอสเทอร์
ริ
ฟิ
เคชั
น (Transesterification) ของนํ
้
ามั
นพื
ช หรื
อไขมั
นสั
ตว์
ซึ
่
งเป็
นสารประกอบอิ
นทรี
ย์
ประเภทไตรกลี
เซอไรด์
(Triglyceride) ทํ
าปฏิ
กิ
ริ
ยากั
บแอลกอฮอล์
(Alcohol) และมี
ตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาที่
เป็
นกรดหรื
อเบส จะ
ได้
ผลผลิ
ตเป็
นเอสเทอร์
(Ester) และผลิ
ตภั
ณฑ์
ผลพลอยได้
กลี
เซอรอล (Glycerol) ซึ
่
งเราจะเรี
ยกชนิ
ดของไบโอดี
เซลแบบ
เอสเตอร์
นี
้
ตามชนิ
ดของแอลกอฮอล์
ที่
ใช้
ในการทํ
าปฏิ
กิ
ริ
ยา ไบโอดี
เซลชนิ
ดเอสเตอร์
นี
้
มี
คุ
ณสมบั
ติ
ที่
เหมื
อนกั
บนํ
้
ามั
น
ดี
เซลมากที่
สุ
ด เพราะไม่
มี
ปั
ญหากั
บเครื่
องยนต์
ดั
งแสดงในรู
ปที่
1
¦¼
¸É
1
สมการเคมี
สํ
าหรั
บปฏิ
กิ
ริ
ยาทรานส์
เอสเทอร์
ริ
ฟิ
เคชั
น ของไตรกลี
เซอไรด์
ตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาที่
ใช้
สามารถจํ
าแนกได้
เป็
น 3 ประเภท ได้
แก่
กรด เบสและเอนไซม์
การผลิ
ตไบโอดี
เซลใน
ระดั
บอุ
ตสาหกรรมนิ
ยมใช้
ตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาเอกพั
นธุ
์
ชนิ
ดเบส เช่
น โซเดี
ยสไฮดรอกไซด์
(NaOH) และโพแทสเซี
ยมไฮดร
อกไซด์
(KOH) เนื่
องจากเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาได้
เร็
วและมี
ราคาถู
ก อย่
างไรก็
ดี
ตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาเอกพั
นธุ
์
ละลายเป็
นเนื
้
อเดี
ยวกั
บสาร
ตั
้
งต้
นและผลิ
ตภั
ณฑ์
การแยกตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาออก ทํ
าได้
ยาก ต้
องใช้
นํ
้
าปริ
มาณมากและทํ
าการล้
างผลิ
ตภั
ณฑ์
หลายขั
้
นตอน
ก่
อให้
เกิ
ดนํ
้
าเสี
ยในปริ
มาณมาก และสิ
้
นเปลื
องค่
าใช้
จ่
ายในการบํ
าบั
ดนํ
้
าเสี
ย เพื่
อเป็
นการลดปั
ญหาดั
งกล่
าวจึ
งมี
การศึ
กษา
การใช้
ตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาวิ
วิ
ธพั
นธุ
์
ในปฏิ
กิ
ริ
ยาทรานส์
เอสเทอร์
ริ
ฟิ
เคชั
น
เนื่
องจากตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาชนิ
ดนี
้
เป็
นตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาที่
อยู
่
ในสถานะแตกต่
างกั
บสารที่
ทํ
าปฏิ
กิ
ริ
ยา สามารถแยกสาร
ตั
้
งต้
นและผลิ
ตภั
ณฑ์
ออกมาจากตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาได้
ง่
าย สามารถใช้
ได้
ในสภาวะที่
มี
อุ
ณหภู
มิ
และ/หรื
อ ความดั
นสู
งได้
ตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยามี
อายุ
การใช้
งานที่
ยาวนาน และอาจนํ
ากลั
บมาใช้
ใหม่
ได้
ง่
ายกว่
า
Mustafa ได้
ทํ
าการศึ
กษาออกไซด์
ของไนโตรเจนอิ
มั
ลชั
นจากเชื
้
อเพลิ
งไบโอดี
เซลโดยได้
ทํ
าการสั
งเคราะห์
ไบ
โอดี
เซลจากปฏิ
กิ
ริ
ยาทรานส์
เอสเทอร์
ริ
ฟิ
เคชั
น จากนํ
้
ามั
นถั่
วเหลื
องในเครื่
องปฏิ
กรณ์
แบบกะ โดยใช้
แคลเซี
ยมคาร์
บอเนต
CaCO
3
แคลเซี
ยมออกไซด์
CaO และแคลเซี
ยมไฮดรอกไซด์
Ca(OH)
2
เป็
นตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยา จากผลการทดลองพบว่
า
แคลเซี
ยมคาร์
บอเนตให้
ผลของผลิ
ตภั
ณฑ์
ออกมาค่
อนข้
างดี
กว่
า เมื่
อเที
ยบกั
บแคลเซี
ยมออกไซด์
CaO และแคลเซี
ยมไฮ
ดรอกไซด์
Ca(OH)
2
แต่
ยั
งคงตํ
่
ากว่
าตั
วเร่
งปฏิ
กิ
ริ
ยาแบบเอกพั
นธุ
์
(Mustafa ,2003)
241
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555