Î
µ
ปั
จจุ
บั
นพื
้
นที่
ชายฝั่
งทะเลของประเทศไทยประสบปั
ญหาแผ่
นดิ
นถู
กกั
ดเซาะโดยมี
สาเหตุ
ของการกั
ดเซาะและ
สภาพปั
ญหาแตกต่
างกั
น เช่
น การพั
งทลายของชายฝั่
งที่
เกิ
ดจากธรรมชาติ
สาเหตุ
คื
อ การเพิ่
มขึ
้
นของระดั
บนํ
้
าทะเล การ
พั
งทลายของหน้
าผา ปริ
มาณตะกอนจากทะเลที่
พั
ดพาเข้
าสู
่
ฝั่
งลดลง คลื่
นลมรุ
นแรงผิ
ดปกติ
กระแสนํ
้
ามี
การเปลี่
ยนแปลง
ตามธรรมชาติ
ทิ
ศทางของคลื่
นเปลี่
ยนแปลง ปริ
มาณฝนตกที่
มากกว่
าปกติ
(กรมทรั
พยากรธรณี
, 2549) และการกั
ดเซาะ
ชายฝั่
งที่
เกิ
ดจากมนุ
ษย์
เป็
นสาเหตุ
เช่
น การสร้
างเขื่
อนหรื
อฝายกั
้
นแม่
นํ
้
า ซึ
่
งเป็
นสาเหตุ
หนึ
่
งที่
ทํ
าให้
เกิ
ดการพั
งทลายของ
ชายฝั่
งทะเล เนื่
องจากตะกอนที่
จะมาทั
บถมมี
ปริ
มาณน้
อยลง เพราะตะกอนถู
กกั
กไว้
ที่
เขื่
อนหรื
อฝาย รวมถึ
งการดู
ดทราย
ในแม่
นํ
้
าเพื่
อใช้
ในการก่
อสร้
างและเพื่
อการถมที่
ทํ
าให้
ตะกอนที่
ลงสู
่
ทะเลมี
ปริ
มาณน้
อยลง การสร้
างกํ
าแพงกั
นคลื่
น
เขื่
อนดั
กตะกอน เขื่
อนหิ
นทิ
้
ง และแนวหิ
นทิ
้
ง ในบริ
เวณหนึ
่
งก่
อให้
เกิ
ดผลกระทบต่
อพื
้
นที่
ใกล้
เคี
ยงได้
เช่
น อาจเกิ
ด
การกั
ดเซาะพื
้
นที่
ชายฝั่
งบริ
เวณท้
ายนํ
้
า เนื่
องจากตะกอนที่
เคยพั
ดมาสะสมถู
กดั
กและตกตะกอนอยู
่
ที่
เขื่
อนดั
กตะกอน
(กรมทรั
พยากรทางทะเลและชายฝั่
ง, 2551) นอกจากนั
้
นการก่
อสร้
างถาวรวั
ตถุ
เพื่
อการป้
องกั
นชายฝั่
งดั
งที่
กล่
าวมา ทํ
าให้
ความลาดชั
นของชายหาดสู
งขึ
้
น ซึ
่
งเป็
นการเร่
งให้
เกิ
ดการกั
ดเซาะชายฝั่
งมากขึ
้
น การก่
อสร้
างกํ
าแพงปากแม่
นํ
้
า ทํ
าให้
ตะกอนถู
กส่
งออกไปไกลจากบริ
เวณชายฝั่
งมากกว่
าปกติ
ทํ
าให้
ตะกอนสู
ญเสี
ยไปจากระบบ ส่
งผลให้
ปริ
มาณตะกอนที่
ตกทั
บถมบริ
เวณชายหาดมี
น้
อยลง และขั
ดขวางการพั
ดพาของตะกอนในแนวเข้
า - ออกฝั่
ง ก่
อให้
เกิ
ดการพั
งทลายของ
ชายฝั่
ง (กรมทรั
พยากรทางทะเลและชายฝั่
ง, 2550) ซึ
่
งปั
ญหาดั
งที่
กล่
าวมาข้
างต้
นสอดคล้
องกั
บการกั
ดเซาะชายฝั่
งบริ
เวณ
ปากคลองตั
นหยงเปาว์
ที่
มี
เขื่
อนกั
นทรายปากคลองตั
นหยงเปาว์
โดยพื
้
นที่
ถู
กกั
ดเซาะหายไปส่
งผลกระทบต่
อพื
้
นที่
ชุ
มชน
บ้
านตั
นหยงเปาว์
อย่
างมาก ทางสํ
านั
กอนุ
รั
กษ์
ทรั
พยากรทางทะเลและชายฝั่
ง ได้
เข้
าศึ
กษาพื
้
นที่
ดั
งกล่
าว และได้
ดํ
าเนิ
นการ
แก้
ปั
ญหาการกั
ดเซาะและฟื
้
นฟู
พื
้
นที่
ชายฝั่
งทะเล โดยปั
กเสาคอนกรี
ตในทะเลเป็
นระยะทางประมาณ 1,000 เมตร ซึ
่
งการ
ปั
กเสาคอนกรี
ตนอกจากช่
วยชะลอความรุ
นแรงของคลื่
นลม และช่
วยดั
กตะกอนไม่
ให้
เคลื่
อนที
่
ออกจากฝั่
งอย่
างรวดเร็
ว
ในช่
วงมรสุ
มแล้
วนั
้
น แนวเสาคอนกรี
ตดั
งกล่
าวยั
งทํ
าหน้
าที่
เปรี
ยบเสมื
อนแนวปะการั
งเที
ยมใกล้
ฝั่
ง เป็
นพื
้
นที่
ให้
สั
ตว์
นํ
้
า
จํ
าพวกปลาผิ
วนํ
้
า กุ
้
ง ปู
และสั
ตว์
นํ
้
าชนิ
ดอื่
นๆ เข้
ามาอยู
่
อาศั
ยและหลบภั
ยได้
เพื่
อทราบถึ
งความหลากหลาย ชนิ
ด ปริ
มาณ
ของสั
ตว์
นํ
้
าในแต่
ละเดื
อน จึ
งทํ
าการศึ
กษาประชาคมสั
ตว์
นํ
้
าที่
อาศั
ยอยู
่
ในบริ
เวณชายฝั่
งนํ
้
าตื
้
นที่
มี
การปั
กเสาคอนกรี
ต
ศึ
กษาเฉพาะกรณี
พื
้
นที่
ตํ
าบลตั
นหยงเปาว์
อํ
าเภอหนองจิ
ก จั
งหวั
ดปั
ตตานี
ª·
¸
µ¦ª·
´
¥
พื
้
นที่
ศึ
กษา ณ ชายฝั่
งทะเลหมู
่
4 บ้
านตั
นหยงเปาว์
ตํ
าบลท่
ากํ
าชํ
า อํ
าเภอหนองจิ
ก จั
งหวั
ดปั
ตตานี
ที่
มี
การปั
กเสา
คอนกรี
ตสํ
าหรั
บป้
องกั
นตลิ่
งโดยกํ
าหนดจุ
ดเก็
บตั
วอย่
าง 3 ระดั
บความลึ
ก คื
อ ระดั
บความลึ
ก 0.8 เมตร 1.20 เมตร และ
1.50 เมตรโดยเก็
บตั
วอย่
างที่
ความลึ
กละ 4 จุ
ด ขนานกั
บแนวชายฝั่
ง (รู
ปที่
1) ทํ
าการศึ
กษาตั
้
งแต่
เดื
อนธั
นวาคม 2552 –
เดื
อนพฤศจิ
กายน 2553 เป็
นระยะเวลา 12 เดื
อน เพื่
อเก็
บตั
วอย่
างสั
ตว์
นํ
้
า มาวิ
เคราะห์
ชนิ
ด ปริ
มาณ
µ¦ÁÈ
´
ª°¥n
µ´
ªr
Î
Ê
µ
เก็
บตั
วอย่
างสั
ตว์
นํ
้
าโดยใช้
อวนสามชั
้
นที่
มี
ขนาดความยาวทั
้
งผื
น 50 เมตร ความลึ
กของอวน 1.7 เมตรโดย
มี
ขนาดตาอวนชั
้
นนอกทั
้
งสองด้
าน 4.5 เซนติ
เมตร และตาอวนชั
้
นใน 2 เซนติ
เมตร โดยจะให้
อวนแช่
ในนํ
้
าเป็
นเวลา 3
ชั่
วโมง (เริ่
มวางอวนเวลา 06.00 น.) แล้
วกู
้
อวนขึ
้
นมา (เริ่
มกู
้
อวนเวลา 09.00 น.) นํ
าสั
ตว์
นํ
้
าที่
ติ
ดอวนใส่
ถุ
งที่
เตรี
ยมไว้
นํ
าไปแช่
นํ
้
าแข็
ง เพื่
อนํ
าตั
วอย่
างไป วิ
เคราะห์
ชนิ
ด และปริ
มาณ ในห้
องปฏิ
บั
ติ
การตามคู่
มื
อของ Carpenter and Niem,
(1998), (1999a), (1999b), (2001)
68
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555