2
บทนํ
า
การบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อมในโรงเรี
ยนและชุ
มชน จะประสบผลสํ
าเร็
จได
นั้
น จํ
าเป
นต
องอาศั
ยภาวะผู
นํ
า
ของผู
บริ
หารและความร
วมมื
อของสมาชิ
กในองค
การ การมี
ภาวะผู
นํ
า การมี
ความรู
ความเข
าใจในการกํ
าหนดทิ
ศทางองค
กร
การส
งเสริ
มการเรี
ยนรู
ของบุ
คลากรทั้
งภายนอกและภายในโรงเรี
ยน เกี่
ยวกั
บการบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อมในโรงเรี
ยนและ
ชุ
มชนของผู
บริ
หาร จึ
งมี
ความสํ
าคั
ญและจํ
าเป
นอย
างยิ่
งสํ
าหรั
บโรงเรี
ยนที่
ต
องการจะดํ
าเนิ
นการเกี่
ยวกั
บเรื่
องนี้
เพราะเป
นการ
บริ
หารการเปลี่
ยนแปลง หรื
ออาจเรี
ยกได
ว
า เป
นโรงเรี
ยนผู
นํ
าการเปลี่
ยนแปลงในการบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อมในโรงเรี
ยนและ
ชุ
มชน และเป
นการดํ
าเนิ
นงานที่
ตอบสนองหลั
กสู
ตรท
องถิ่
นที่
โรงเรี
ยนดํ
าเนิ
นการเอง อี
กทั้
งยั
งเป
นการบริ
หารที่
จะทํ
าให
บรรลุ
เป
าหมายที่
กํ
าหนดไว
ในพระราชบั
ญญั
ติ
การศึ
กษาแห
งชาติ
พ.ศ. 2542 และที่
แก
ไขเพิ่
มเติ
ม (ฉบั
บที่
2) พ.ศ. 2545 และ
นอกจากนี้
ผู
เรี
ยนยั
งได
เรี
ยนรู
เกี่
ยวกั
บ กฎหมายสิ่
งแวดล
อม แผนการจั
ดการสิ่
งแวดล
อมและตอบสนองต
อแผนพั
ฒนา
สิ่
งแวดล
อม ฉบั
บที่
10 ที่
เน
นการดํ
าเนิ
นงานตามหลั
กปรั
ชญาเศรษฐกิ
จพอเพี
ยง ที่
เน
นความสมดุ
ล การสร
างเศรษฐกิ
จที่
มั่
นคง
และยั่
งยื
น บนรากฐานการพั
ฒนาของความสมดุ
ลใน 3 มิ
ติ
คื
อ เศรษฐกิ
จ สั
งคม ทรั
พยากรธรรมชาติ
และสิ่
งแวดล
อม โดย
ใช
แนวทางการบู
รณาการที่
สอดคล
องตามระบบนิ
เวศของแต
ละพื้
นที่
รวมทั้
งผสมผสานการใช
ภู
มิ
ป
ญญาท
องถิ่
นกั
บการ
ใช
เทคโนโลยี
ที่
เหมาะสมและกลมกลื
น
โรงเรี
ยนผู
นํ
าการเปลี่
ยนแปลงในการบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อมในโรงเรี
ยนและชุ
มชน จึ
งเป
นองค
ประกอบสํ
าคั
ญ
ที่
จะทํ
าให
บรรลุ
ผลตามเป
าหมาย และโรงเรี
ยนที่
เป
นตั
วอย
างเชิ
งทฤษฎี
ที่
ใช
ในการศึ
กษา ถื
อว
าเป
นตั
วอย
างของประชากร
โรงเรี
ยนที่
มี
จํ
านวนมากที่
สุ
ดในประเทศไทย คื
อ เป
นโรงเรี
ยนขนาดกลาง (นั
กเรี
ยน121-500คน) เป
ดทํ
าการสอนระดั
บอนุ
บาลถึ
งระดั
บ
ประถมศึ
กษา มี
ความน
าเชื่
อถื
อได
ถึ
งรู
ปแบบในการบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อมในโรงเรี
ยนและชุ
มชนที่
ดํ
าเนิ
นการต
อเนื่
อง
ไม
น
อยกว
า 10 ป
มี
วิ
ธี
การปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
โดยหน
วยงานระดั
บชาติ
คื
อกรมส
งเสริ
มคุ
ณภาพสิ่
งแวดล
อมประกาศรั
บรองให
เป
นแหล
ง
เรี
ยนรู
กั
บเกี่
ยวโครงการธนาคารวั
สดุ
รี
ไซเคิ
ล ระดั
บประเทศ ประเภทโรงเรี
ยนประถมศึ
กษา และได
รั
บรางวั
ลชนะเลิ
ศ
ในการประกวดแข
งขั
นระดั
บภู
มิ
ภาค จากโครงการโรงเรี
ยนสร
างสรรค
สิ่
งแวดล
อมดี
เด
นเฉลิ
มพระเกี
ยรติ
และระดั
บประเทศ
จากการประกวดโครงการธนาคารวั
สดุ
รี
ไซเคิ
ล และจากความสํ
าเร็
จดั
งกล
าวทํ
าให
มี
ผู
ให
ความสนใจทั้
งชาวไทย และ
ชาวต
างประเทศมาศึ
กษาดู
งาน และเชิ
ญเป
นวิ
ทยากร นั
บจากป
ที่
ได
รั
บรางวั
ล (2549) ถึ
ง ป
จจุ
บั
น (2554) จํ
านวนมากกว
า 250 คณะ
อย
างไรก็
ตาม ถึ
งแม
โรงเรี
ยนดั
งกล
าวจะมี
การดํ
าเนิ
นการบริ
หารจั
ดการจนเป
นวิ
ธี
ปฏิ
บั
ติ
ที่
ดี
และเป
นที่
ยอมรั
บ
แต
จากการศึ
กษาข
อมู
ลเบื้
องต
น พบว
า ยั
งไม
มี
การศึ
กษา วิ
เคราะห
สั
งเคราะห
และรวบรวมเพื่
อจั
ดทํ
าเป
นบทเรี
ยน หรื
อสื่
อ
ที่
เกี่
ยวกั
บการจั
ดการเรี
ยนรู
ด
านการบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อมในโรงเรี
ยนและชุ
มชน และจากการวิ
เคราะห
งานวิ
จั
ยที่
เกี่
ยวข
อง
ยั
งไม
พบว
ามี
การศึ
กษาในบริ
บทโรงเรี
ยนประถมศึ
กษาในประเทศไทย ผู
วิ
จั
ยจึ
งเกิ
ดแนวคิ
ดว
า หากได
มี
การศึ
กษาวิ
จั
ย
ในเรื่
องนี้
ที่
เน
นการเสนอข
อสรุ
ปเชิ
งทฤษฎี
โดยอาศั
ยวิ
ธี
วิ
ทยาการวิ
จั
ยเชิ
งคุ
ณภาพ (Qualitative research methodology)
เพื่
อสร
างทฤษฎี
ฐานราก (Grounded theory study) และนํ
าข
อเสนอเชิ
งทฤษฎี
ดั
งกล
าวให
ผู
เชี่
ยวชาญยื
นยั
น และตรวจสอบ
ความเป
นไปได
จากโรงเรี
ยนที่
มี
การดํ
าเนิ
นกิ
จกรรมด
านสิ่
งแวดล
อม โดยวิ
ธี
การวิ
จั
ยเชิ
งปริ
มาณ (Quality research methodology)
ซึ่
งจะได
องค
ความรู
ใหม
ในเชิ
งทฤษฎี
จากบริ
บทแบบไทย ที่
จะเป
นประโยชน
ในการทํ
าให
การบริ
หารจั
ดการสิ่
งแวดล
อม
ในโรงเรี
ยนและชุ
มชนมี
ประสิ
ทธิ
ภาพและประสิ
ทธิ
ผลสู
งขึ้
น