5
ตารางทีÉ
4
ฟั
นบนและล่
างทีÉ
นั
กเรี
ยนตรวจฟั
นด้
วยตนเองผิ
ด
กลุ
่
มของฟั
น
ค่
าเฉลีÉ
ย
ส่
วนเบีÉ
ยงเบนมาตรฐาน
ค่
าสู
งสุ
ด
ค่
าตํÉ
าสุ
ด
ฟั
นบน
2.5
*
3.0
11
0
ฟั
นล่
าง
1.7
2.3
10
0
*
แตกต่
างอย่
างมี
นั
ยสํ
าคั
ญทางสถิ
ติ
(
p
< 0.05)
อภิ
ปรายผลการวิ
จั
ย
โรคฟั
นผุ
เป็
นปั
ญหาสาธารณสุ
ขของประเทศไทยทีÉ
สามารถป้
องกั
นได้
โดยกระทรวงศึ
กษาธิ
การได้
จั
ดสาระการ
เรี
ยนรู
้
เรืÉ
องโรคฟั
นผุ
และการป้
องกั
นไว้
ในกลุ่
มสาระการเรี
ยนรู
้
สุ
ขศึ
กษาและพลศึ
กษาของหลั
กสู
ตรการศึ
กษาขั
Ê
นพื
Ê
นฐาน
อี
กทั
Ê
งกระทรวงสาธารณสุ
ขได้
จั
ดโครงการส่
งเสริ
มสุ
ขภาพในโรงเรี
ยนโดยให้
ครู
ตรวจสุ
ขภาพฟั
นของนั
กเรี
ยน อย่
างไรก็
ดี
พบว่
าการดํ
าเนิ
นโครงการไม่
ค่
อยประสบผลสํ
าเร็
จเนืÉ
องจากขาดแคลนทั
นตบุ
คลากร และครู
ไม่
มี
เวลา ดั
งนั
Ê
นจึ
งจั
ดให้
นั
กเรี
ยนตรวจฟั
นด้
วยตนเอง ในการศึ
กษานี
Ê
เป็
นการทดสอบความรู
้
เรืÉ
องฟั
นและความสามารถในการตรวจฟั
นด้
วยตนเอง
ในนั
กเรี
ยนชั
Ê
นประถมศึ
กษาปี
ทีÉ
6 การทดสอบความรู
้
ทํ
าโดยใช้
แบบทดสอบความรู
้
เป็
นรู
ปฟั
นทีÉ
เห็
นในช่
องปากจํ
านวน
10 ภาพ ซึ
É
งประกอบด้
วยฟั
นผุ
และฟั
นไม่
ผุ
พบว่
านั
กเรี
ยนมี
ความรู
้
เรืÉ
องฟั
นในระดั
บตํ
É
ากว่
าเกณฑ์
โดยตอบแบบทดสอบได้
คะแนนเฉลีÉ
ยร้
อยละ 43.6 ซึ
É
งใกล้
เคี
ยงกั
บการศึ
กษาของอนุ
รดี
ศิ
ริ
พานิ
ชกรและพรพรรณ อั
ศวาณิ
ชย์
ซึ
É
งทํ
าในนั
กเรี
ยนชั
Ê
น
ประถมศึ
กษาปี
ทีÉ
5 และ 6 กลุ่
มหนึ
É
งในจั
งหวั
ดสระบุ
รี
(Siripanichkorn and Asvanit, 2011) โดยลั
กษณะฟั
นผุ
ทีÉ
นั
กเรี
ยน
ไม่
สามารถจํ
าแนกเป็
นฟั
นผุ
คื
อ รอยผุ
ลั
กษณะรอยผุ
ขุ
่
นขาว (white lesion) ซึ
É
งเป็
นรอยผุ
ในระยะเริÉ
มแรก ทีÉ
นั
กเรี
ยนควร
รี
บไปพบทั
นตแพทย์
เพืÉ
อการรั
กษาให้
เกิ
ดการคื
นกลั
บของแร่
ธาตุ
ก่
อนผุ
ลุ
กลามเป็
นโพรงฟั
นผุ
(Featherstone, 2008) เดิ
ม
ฟั
นผุ
คื
อฟั
นทีÉ
มี
รู
ต่
อมาในปี
ค.ศ. 1994 ได้
เริÉ
มจํ
าแนกฟั
นทีÉ
มี
รอยผุ
ขุ
่
นขาวแต่
ไม่
มี
รู
เป็
นลั
กษณะของฟั
นผุ
ด้
วย (Thylstrup
and Fejerskov, 1994) ดั
งนั
Ê
นความรู
้
ใหม่
ในทางวิ
ชาชี
พทีÉ
ไม่
ได้
เผยแพร่
สู
่
สาธารณชน ทํ
าให้
ประชาชนไม่
มี
ความรู
้
ในการ
ป้
องกั
นโรคทีÉ
ทั
นสมั
ย นอกจากนี
Ê
การขาดแคลนสืÉ
อการเรี
ยนการสอนก็
เป็
นปั
จจั
ยสํ
าคั
ญในการเรี
ยนรู
้
(จั
นทร์
ทิ
พย์
คนซืÉ
อ,
2539)
ภายหลั
งจากการทดสอบความรู
้
นั
กเรี
ยนทํ
าการตรวจฟั
นตนเองโดยใช้
กระจกในห้
องเรี
ยนทีÉ
มี
แสงสว่
างจาก
ธรรมชาติ
และไฟจากเพดาน พบว่
านั
กเรี
ยนสามารถตรวจฟั
นได้
ถู
กต้
องเฉลีÉ
ย 19.4 ซีÉ
จากทั
Ê
งหมด 24 ซีÉ
(ร้
อยละ 80.9)
แสดงว่
ามี
ความสามสามารถในการตรวจฟั
นด้
วยตนเองดี
เยีÉ
ยม ใกล้
เคี
ยงกั
บการศึ
กษาของสุ
พรรณี
ศรี
วิ
ริ
ยกุ
ล และพวง
ทอง เล็
กเฟืÉ
องฟู
ซึ
É
งให้
นั
กเรี
ยนชั
Ê
นมั
ธยมศึ
กษาปี
ทีÉ
1 เรี
ยนทั
นตสุ
ขศึ
กษาจากการอ่
านหนั
งสื
อคู
่
มื
อแล้
วตรวจฟั
นตนเอง
โดยจํ
าแนกการตรวจฟั
นทั
Ê
งปากออกเป็
น 16 ตํ
าแหน่
ง แต่
ละตํ
าแหน่
งจะประกอบด้
วยฟั
นหลายซีÉ
พบว่
านั
กเรี
ยนตรวจฟั
น
ได้
ถู
กต้
องร้
อยละ 78.2 การทีÉ
นั
กเรี
ยนชั
Ê
นประถมศึ
กษาปี
ทีÉ
6 สามารถตรวจฟั
นได้
ถู
กต้
องในระดั
บดี
เยีÉ
ยม น่
าจะมี
มี
ผลจาก
ฟั
นในช่
องปากเด็
กส่
วนใหญ่
เป็
นฟั
นแท้
ทีÉ
เพิÉ
งขึ
Ê
นจึ
งยั
งไม่
มี
รอยผุ
จากการตรวจฟั
นโดยทั
นตแพทย์
พบว่
าในฟั
นทั
Ê
งหมด 24
ซีÉ
นั
กเรี
ยนมี
อั
ตราการผุ
ของฟั
นเฉลีÉ
ย 1.7 ซีÉ
ต่
อคน ทํ
าให้
ฟั
นทีÉ
ตรวจส่
วนใหญ่
ไม่
มี
รอยผุ
นั
กเรี
ยนจึ
งสามารถตรวจฟั
นได้
ถู
กต้
อง เมืÉ
อวิ
เคราะห์
เฉพาะการตรวจฟั
นผุ
พบว่
า นั
กเรี
ยนสามารถตรวจฟั
นผุ
ได้
ถู
กต้
องเฉลีÉ
ยเพี
ยงร้
อยละ 19.4 ซึ
É
งอยู
่
ใน
ระดั
บตํ
É
ากว่
าเกณฑ์
ดั
งนั
Ê
นนั
กเรี
ยนจึ
งไม่
สามารถตรวจฟั
นผุ
ได้
ถู
กต้
องด้
วยตนเอง
516
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555