5
แบ่
งปั
นข้
อมู
ล มี
การสนทนาและ สร้
างรู
ปแบบของความรั
บผิ
ดชอบร่
วมกั
น ดั
งนั
Ê
นการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย คื
อ
กระบวนการสร้
างปฏิ
สั
มพั
นธ์
ระหว่
างผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยและบริ
ษั
ท ในการตั
ดสิ
นใจและเข้
าร่
วมในการจั
ดการธุ
รกิ
จเพืÉ
อสร้
าง
ความไว้
วางใจ การเคารพซึ
É
งกั
นและกั
น ตลอดจนสร้
างรู
ปแบบของความรั
บผิ
ดชอบร่
วมกั
น
แนวคิ
ดการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยยุ
คแรก คื
อ แบบจํ
าลองบั
นไดของการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย
(A Ladder of Stakeholder Engagement) ของ Arnstein (1969) ประกอบด้
วยบั
นไดของการมี
ส่
วนร่
วม 8 ขั
Ê
น ทีÉ
อธิ
บายการมี
ส่
วนร่
วม 3 ระดั
บ ดั
งนี
Ê
บั
นไดขั
Ê
นทีÉ
1 การจั
ดการ(Manipulation) ให้
ข้
อมู
ลความรู
้
บั
นไดขั
Ê
นทีÉ
2 การบํ
าบั
ด (Therapy) เป็
นการ
ให้
ข้
อมู
ลด้
านบวกอย่
างต่
อเนืÉ
อง บั
นไดสองขั
Ê
นแรกสะท้
อนถึ
งการไม่
มี
ส่
วนร่
วม(Non-Participation) บั
นไดขั
Ê
นทีÉ
3-5 ซึ
É
งคื
อ
การให้
ข้
อมู
ล (Informing) การให้
คํ
าปรึ
กษา(Consultation) และ การแต่
งตั
Ê
ง (Placation) เป็
นบั
นไดขั
Ê
นกลางทีÉ
อธิ
บายระดั
บของ
การยอมรั
บให้
มี
ส่
วนร่
วมในระดั
บกลางเพืÉ
อแสดงถึ
งมนุ
ษยธรรม บั
นไดขั
Ê
นทีÉ
6-8 ประกอบด้
วยการเป็
นหุ
้
นส่
วน
(Partnership) การให้
อํ
านาจผู
้
แทน (Delegated Power) และการควบคุ
มโดยพลเมื
อง(Citizen Control) สามารถอธิ
บายการมี
ส่
วนร่
วมในระดั
บสู
งโดยแสดงถึ
งระดั
บอํ
านาจของพลเมื
องในการเพิÉ
มขึ
Ê
นของระดั
บอํ
านาจในการตั
ดสิ
นใจ
Friedman & Miles (2006) พั
ฒนาต่
อเป็
นแบบจํ
าลองบั
นไดของการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย 12 ขั
Ê
นซึ
É
ง
อธิ
บายการมี
ส่
วนร่
วม 3 ระดั
บ ดั
งนี
Ê
บั
นไดขั
Ê
นทีÉ
1-3 คื
อ การจั
ดการ(Manipulation) การบํ
าบั
ด(Therapy) และ การให้
ข้
อมู
ล
(Informing) ล้
วนเป็
นบั
นไดขั
Ê
นต้
นทีÉ
อธิ
บายการมี
ส่
วนร่
วมในการตั
ดสิ
นใจของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยในระดั
บตํ
É
า เน้
นการแจ้
งให้
ข้
อมู
ลแก่
ผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยทราบเกีÉ
ยวกั
บการตั
ดสิ
นใจทีÉ
เกิ
ดขึ
Ê
นผ่
านทาง อิ
นเตอร์
เน็
ต ข้
อสรุ
ปการประชุ
ม ใบปลิ
ว วารสาร
จดหมายข่
าว รายงานด้
านสั
งคมและสิÉ
งแวดล้
อมของบริ
ษั
ท ในขณะทีÉ
บั
นไดขั
Ê
นทีÉ
4-7 คื
อ การอธิ
บาย(Explaining) การแต่
งตั
Ê
ง
(Placation) การให้
คํ
าปรึ
กษา(Consultation)และ การเจรจาต่
อรอง (Negotiation)เป็
นบั
นไดขั
Ê
นกลางทีÉ
อธิ
บายการมี
ส่
วนร่
วมใน
การตั
ดสิ
นใ
จ
ในระดั
บกลาง ผ่
านการแสดงสั
ญลั
กษณ์
ของการมี
ส่
วนร่
วม โดยผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยมี
โอกาสแสดงความคิ
ดเห็
น แต่
ผลลั
พธ์
ในการตั
ดสิ
นใจขั
Ê
นสุ
ดท้
ายยั
งขึ
Ê
นกั
บบริ
ษั
ท โดยดํ
าเนิ
นการผ่
านการสนทนาแบบสองทาง(Two-Way Dialogue) เช่
น
การประชุ
มเชิ
งปฏิ
บั
ติ
การ คณะทีÉ
ปรึ
กษา การประชุ
มโต๊
ะกลมเป็
นต้
น ในขณะทีÉ
มี
การสนทนาแบบหลายวิ
ธี
(Multi-Way
Dialogue) เช่
น การเจรจาต่
อรองทีÉ
เกิ
ดปฏิ
กิ
ริ
ยา สํ
าหรั
บการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยในระดั
บสู
ง สะท้
อนจากบั
นไดขั
Ê
น
ทีÉ
8-12 ประกอบด้
วย การมี
ส่
วนร่
วม(Involvement) การร่
วมมื
อ(Collaborate) ความเป็
นหุ
้
นส่
วน(Partnerships) การมอบหมาย
อํ
านาจ(Delegated Power) และ การควบคุ
มโดยผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย(Stakeholder Control) ดํ
าเนิ
นการโดยการผ่
านการสนทนาแบบ
หลายวิ
ธี
(Multi-way dialogue) อาทิ
การใช้
พั
นธมิ
ตรทางกลยุ
ทธ์
การเป็
นตั
วแทนคณะกรรมการ และโครงการชุ
มชน เป็
นต้
น
จากแนวคิ
ดของArnstein(1969)และFriedman&Miles(2006) สามารถวิ
เคราะห์
และสรุ
ปได้
ว่
าในการศึ
กษาครั
Ê
ง
นี
Ê
กํ
าหนดให้
ระดั
บขั
Ê
นบั
นไดของการมี
ส่
วนร่
วมประกอบด้
วย 5 ขั
Ê
นคื
อการให้
ข้
อมู
ล(Informing) การให้
คํ
าปรึ
กษา(Consultation)
การร่
วมมื
อ(Collaborate) การมอบหมายอํ
านาจ(Delegated Power) และการควบคุ
มโดยผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย(Stakeholder Control)
โดยสามารถจํ
าแนกองค์
ประกอบทีÉ
มี
บ่
งชี
Ê
คุ
ณภาพของการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยเป็
น 1)ระดั
บของการมี
ส่
วนร่
วมในการ
ตั
ดสิ
นใจ(The Degree of Participation in Decision making) คื
อ ผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยมี
โอกาสในการใช้
อํ
านาจในการแสดงความรู
้
สึ
ก
แสดงความคิ
ดเห็
น และให้
คํ
าปรึ
กษาหารื
อ ต่
อแผนงานและกระบวนการตั
ดสิ
นใจของบริ
ษั
ท จํ
าแนกเป็
นการมี
ส่
วนร่
วมใน
ระดั
บตํ
É
า การมี
ส่
วนร่
วมในระดั
บปานกลาง และการมี
ส่
วนร่
วมระดั
บสู
ง 2)รู
ปแบบของการสนทนา(Style of dialogue) คื
อ
ลั
กษณะการส่
งผ่
านข่
าวสารทั
Ê
งทีÉ
เป็
นข้
อเท็
จจริ
ง ความคิ
ดความเห็
น ความรู
้
สึ
ก ทั
ศนคติ
และอารมณ์
ระหว่
างผู
้
ส่
งข่
าวสาร และ
ผู
้
รั
บข่
าวสารซึ
É
งประกอบด้
วยบุ
คคลหรื
อหน่
วยงานทั
Ê
งภายในและภายนอกองค์
กร โดยมี
การสนทนาแบบทางเดี
ยว(One-Way
Dialogue) การสนทนาแบบสองทาง(Two-Way Dialogue) และการสนทนาแบบหลายทาง (Multiple Way Dialogue)
1000
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555