full2012.pdf - page 998

3
ผลการวิ
จั
ยและอภิ
ปรายผลการวิ
จั
การศึ
กษาในครั
Ê
งนี
Ê
จํ
าแนกการสรุ
ปผลและอภิ
ปรายผลเป็
น 2 ประเด็
นหลั
ก คื
อ แนวคิ
ดและทฤษฎี
ทีÉ
เกีÉ
ยวข้
อง
เพืÉ
อจํ
าแนกองค์
ประกอบของความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ทและการมี
ส่
วนร่
วมของผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ย และความสั
มพั
นธ์
ระหว่
างความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ทและการมี
ส่
วนร่
วมของผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ย ดั
งรายละเอี
ยดต่
อไปนี
Ê
1.
แนวคิ
ดและทฤษฎี
ทีÉ
เกีÉ
ยวข้
อง
1)
ทฤษฎี
ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ย (Stakeholder Theory)
ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ย คื
อ กลุ่
มและบุ
คคลผู
ซึ
É
งอาจมี
ผลต่
อหรื
อได้
รั
บผลกระทบจากความสํ
าเร็
จของภารกิ
จของ
องค์
กร (Freeman, 1984) ซึ
É
งสอดคล้
องกั
บ Post et al. (2002) ให้
นิ
ยามผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยคื
อบุ
คคลหรื
อกลุ่
มซึ
É
งมี
ผลกระทบ หรื
ได้
รั
บผลกระทบจากการตั
ดสิ
นใจขององค์
กร นโยบาย และการปฏิ
บั
ติ
ในการจํ
าแนกประเภทผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยในทั
ศนะ
นั
กวิ
ชาการ สามารถจํ
าแนกได้
หลายลั
กษณะ แต่
ส่
วนใหญ่
นิ
ยมจํ
าแนกเป็
น 2 ประเภทคื
อ (1)ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยระดั
บปฐมภู
มิ
(Primary Stakeholders)ประกอบด้
วย ผู
ถื
อหุ
นและผู
ลงทุ
น พนั
กงาน ลู
กค้
า ผู
ขายปั
จจั
ยการผลิ
ต(คู
ค้
า)โดยผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยระดั
แรกเป็
นกลุ่
มทีÉ
เป็
นพื
Ê
นฐานต่
อการดํ
าเนิ
นงานและการอยู่
รอดของธุ
รกิ
จ และ(2)ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยระดั
บทุ
ติ
ยภู
มิ
(Secondary
Stakeholders)ประกอบด้
วย ชุ
มชนทัÉ
วไป สืÉ
อ กลุ่
มผลประโยชน์
รั
ฐบาล ซึ
É
งเป็
นบุ
คคลและกลุ่
มในสั
งคมทีÉ
ได้
รั
บผลกระทบ
ทางตรงหรื
อทางอ้
อมจากกิ
จกรรม และการตั
ดสิ
นใจของธุ
รกิ
จ(Clarkson, 1995; Mcalister et al., 2005; Post et al., 2002)
พั
ฒนาการของทฤษฎี
ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยมี
พื
Ê
นฐานมาจากกรอบแนวคิ
ดของBarnard (1938) ในหนั
งสื
อเรืÉ
อง
“หน้
าทีÉ
ของผู
บริ
หาร” ทีÉ
นํ
าเสนอมุ
มมองด้
านบวกของผู
จั
ดการในการสนั
บสนุ
นความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคม ซึ
É
งต่
อมา Freeman
(1984) ได้
ขยายความคิ
ดจนเป็
นทีÉ
รู
จั
กอย่
างกว้
างขวางและพั
ฒนามาเป็
นทฤษฎี
ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยซึ
É
งปรากกฎชั
ดเจนในหนั
งสื
เรืÉ
อง“การจั
ดการกลยุ
ทธ์
:แนวทางผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยแนวคิ
ดใหม่
สํ
าหรั
บการจั
ดการ”ทีÉ
สนั
บสนุ
นว่
าผู
บริ
หารต้
องสร้
างความพอใจ
ต่
อบุ
คคลทีÉ
มี
อิ
ทธิ
พลต่
อผลลั
พธ์
ของบริ
ษั
ทซึ
É
งมี
หลากหลายประกอบด้
วย พนั
กงาน ลู
กค้
า ผู
ขายปั
จจั
ยการผลิ
ต องค์
กรชุ
มชนใน
ท้
องถิÉ
น จึ
งเป็
นสิÉ
งทีÉ
ไม่
เพี
ยงพอหากผู
บริ
หารมุ่
งเน้
นให้
ความสํ
าคั
ญเพี
ยงความต้
องการของผู
ถื
อหุ
นหรื
อเจ้
าของบริ
ษั
ทเท่
านั
Ê
จากคํ
านิ
ยามตลอดจนความสํ
าคั
ญของทฤษฎี
ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยทํ
าให้
เกิ
ดความเข้
าใจถึ
งธรรมชาติ
ของบริ
ษั
ททีÉ
ควรสนั
บสนุ
นการพิ
จารณาผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยใหม่
ซึ
É
งเป็
นมุ
มมองทีÉ
กว้
างกว่
าเดิ
ม โดยบริ
ษั
ทได้
รั
บการคาดหวั
งในการจั
ดการ
ความรั
บผิ
ดชอบ และให้
ความสนใจผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยมากขึ
Ê
นและยอมรั
บทราบหน้
าทีÉ
ในการสนใจดู
แลต่
อผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยทีÉ
นิÉ
เงี
ยบ เช่
นชุ
มชนท้
องถิÉ
นและสิÉ
งแวดล้
อม(Simmons, 2004) จึ
งเป็
นทฤษฎี
ทีÉ
มี
ความสั
มพั
นธ์
ต่
อการเกิ
ดความรั
บผิ
ดชอบต่
สั
งคมของบริ
ษั
ท(CSR) ทีÉ
เดิ
มมุ่
งเน้
นการอยู่
รอดและการประสบความสํ
าเร็
จของบริ
ษั
ท ผ่
านการสร้
างความมัÉ
งคัÉ
ง หรื
อสร้
าง
ความพึ
งพอใจแค่
เพี
ยงถื
อหุ
น เปลีÉ
ยนแปลงไปสู่
การคํ
านึ
งถึ
งผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยอืÉ
นๆร่
วมด้
วย (Foster & Jonker, 2005; Hawkins,
2006) ดั
งนั
Ê
นทฤษฎี
ผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ยจึ
งเป็
นรากฐานสํ
าคั
ญต่
อการสร้
างแนวคิ
ดความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
(CSR)โดยประสานความสมดุ
ลผ่
านการเชืÉ
อมโยงกั
บการมี
ส่
วนร่
วมของผู
มี
ส่
วนได้
เสี
ย (Stakeholder Engagement)
2)
แนวความคิ
ดความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ท (Corporate Social Responsibility: CSR)
นั
กวิ
ชาการในแต่
ละยุ
คสมั
ยได้
ให้
คํ
าจั
ดความของความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ทในมุ
มมองทีÉ
แตกต่
าง
ในยุ
คแรก Davis (1960) ให้
ความหมายว่
าเป็
นการตั
ดสิ
นใจของนั
กธุ
รกิ
จและการดํ
าเนิ
นการเพืÉ
อเหตุ
ผลอย่
างน้
อยทีÉ
สุ
ดไปยั
ผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิ
จโดยตรงหรื
อผลประโยชน์
ทางเทคนิ
คของบริ
ษั
ท ซึ
É
งสอดคล้
องกั
บ Friedman (1970) ทีÉ
กล่
าวว่
เป็
นเพี
ยงความรั
บผิ
ดชอบเดี
ยวของธุ
รกิ
จทีÉ
มุ่
งเน้
นยั
งการทํ
ากํ
าไรสู
งสุ
ดแก่
ผู
ถื
อหุ
น ภายใต้
กรอบของกฎหมาย และศาสนาทีÉ
กํ
าหนดในประเทศ ต่
อมา Jones(1980) ได้
เสนอแนวคิ
ดความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ทว่
าเป็
นการทีÉ
บริ
ษั
ท มี
ภาระผู
กพั
เกีÉ
ยวเนืÉ
องไปยั
งกลุ่
มอืÉ
นๆในสั
งคมนอกเหนื
อจากกลุ่
มผู
ถื
อหุ
นและอืÉ
นๆตามทีÉ
กํ
าหนดในกฎหมายและข้
อสั
ญญาต่
างๆ
นอกจากนี
Ê
WBCSD (2000)ได้
นิ
ยามว่
าความมุ่
งมัÉ
นอย่
างต่
อเนืÉ
องขององค์
การธุ
รกิ
จทีÉ
จะมี
จริ
ยธรรม มี
ส่
วนช่
วยในการพั
ฒนา
998
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555
1...,988,989,990,991,992,993,994,995,996,997 999,1000,1001,1002,1003,1004,1005,1006,1007,1008,...1917
Powered by FlippingBook