4
ทางด้
านเศรษฐกิ
จอย่
างยัÉ
งยื
น ในขณะเดี
ยวกั
นก็
พยายามปรั
บปรุ
งคุ
ณภาพชี
วิ
ตของพนั
กงาน ครอบครั
วพนั
กงาน ตลอดจน
ชุ
มชนและสั
งคม สอดคล้
องกั
บ Carroll & Bunchholz (2006)ให้
ความหมายความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ท ใน
ความหมายรวมถึ
งความรั
บผิ
ดชอบด้
านเศรษฐกิ
จ ด้
านกฎหมาย ด้
านจริ
ยธรรม และการกุ
ศลจากความคาดหวั
งไว้
ต่
อองค์
กร
โดยสั
งคมในช่
วงเวลาหนึ
É
ง จากคํ
าจํ
ากั
ดความของความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ท (CSR) พบว่
า ในอดี
ตให้
ความสํ
าคั
ญ
กั
บความรั
บผิ
ดชอบด้
านเศรษฐกิ
จเป็
นหลั
กโดยเน้
นการดํ
าเนิ
นกิ
จการให้
เกิ
ดกํ
าไรเป็
นเป้
าหมายสู
งสุ
ดเพืÉ
อสามารถตอบสนอง
ความต้
องการของเจ้
าของกิ
จการหรื
อผู
้
ถื
อหุ
้
น ต่
อมาได้
มี
การพั
ฒนาแนวคิ
ดไปสู่
การให้
ความสํ
าคั
ญกั
บมิ
ติ
ทางเศรษฐกิ
จควบคู
่
กั
บการให้
ความสํ
าคั
ญในมิ
ติ
ของสั
งคม กฎหมาย จริ
ยธรรมสั
งคม สิÉ
งแวดล้
อม ผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย ผ่
านการดํ
าเนิ
นการด้
วยความ
สมั
ครใจมากขึ
Ê
น จึ
งกล่
าวโดยสรุ
ปได้
ว่
าความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ท (CSR) คื
อ การดํ
าเนิ
นกิ
จกรรมของบริ
ษั
ทโดย
การประสานการดํ
าเนิ
นงานทั
Ê
งทางด้
านเศรษฐกิ
จ การปฏิ
บั
ติ
ตามกฎหมาย การเชืÉ
อมโยงค่
านิ
ยมทางจริ
ยธรรม และการ
ดํ
าเนิ
นการด้
านกุ
ศลบนพื
Ê
นฐานของความสมั
ครใจ เพืÉ
อตอบสนองความคาดหวั
งของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยทีÉ
หลากหลายได้
อย่
าง
สมดุ
ล อั
นจะเกิ
ดการอยู่
ร่
วมกั
นในสั
งคมได้
อย่
างเป็
นปกติ
สุ
ขและการดํ
าเนิ
นธุ
รกิ
จได้
อย่
างยัÉ
งยื
น
จากการทบทวนวรรณกรรม พบว่
าแนวคิ
ดความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ททีÉ
ได้
รั
บความนิ
ยมใช้
ใน
การศึ
กษาอย่
างกว้
าง คื
อ แนวคิ
ดแบบจํ
าลองปิ
รามิ
ดของความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ท (The Pyramid of Corporate
Social Responsibility) ตามแนวคิ
ด Carroll (1991) เนืÉ
องจากเป็
นแบบจํ
าลองทีÉ
ง่
ายแก่
การเข้
าใจ และเหมาะสมตามหลั
กตรรกะ
(Crane & Matten, 2004; Visser, 2005) และแบบจํ
าลองนี
Ê
ได้
ถู
กนํ
าไปใช้
ในการทดสอบเชิ
งประจั
กษ์
จํ
านวนมากในบริ
บททีÉ
แตกต่
างกั
น(Shum & Yam, 2011; Ramasamy & Yeung, 2009;Visser, 2005)
ดั
งนั
Ê
นการศึ
กษาครั
Ê
งนี
Ê
จึ
งศึ
กษาองค์
ประกอบความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ท(CSR)ตามกรอบแนวคิ
ด
ของCarroll (1991) ซึ
É
งสามารถจํ
าแนกองค์
ประกอบของความรั
บผิ
ดชอบต่
อสั
งคมของบริ
ษั
ทออกเป็
น 4 องค์
ประกอบ ดั
งนี
Ê
(1)ความรั
บผิ
ดชอบด้
านเศรษฐกิ
จ (Economic Responsibilities) การดํ
าเนิ
นธุ
รกิ
จทีÉ
เน้
นให้
เกิ
ดกํ
าไร เพืÉ
อเป็
นการแสดงความ
รั
บผิ
ดชอบต่
อผู
้
ก่
อตั
Ê
งบริ
ษั
ท จึ
งมุ่
งเน้
นดํ
าเนิ
นการทีÉ
ก่
อให้
เกิ
ดการเพิÉ
มกํ
าไรต่
อหุ
้
น การยึ
ดมัÉ
นต่
อกํ
าไรทีÉ
เป็
นไปได้
การรั
กษา
ตํ
าแหน่
งทางการแข่
งขั
นทีÉ
เข้
มแข็
ง รั
กษาระดั
บการปฏิ
บั
ติ
งานทีÉ
มี
ประสิ
ทธิ
ภาพสู
ง (2)ความรั
บผิ
ดชอบด้
านกฎหมาย (Legal
Responsibilities) การดํ
าเนิ
นธุ
รกิ
จภายใต้
คาดหวั
งจากสั
งคมทีÉ
ต้
องการให้
บริ
ษั
ทปฏิ
บั
ติ
ตามกฎหมายและระเบี
ยบทีÉ
ประกาศใช้
โดยรั
ฐบาล จึ
งมุ่
งเน้
นการดํ
าเนิ
นการในลั
กษณะทีÉ
ยิ
นยอมปฏิ
บั
ติ
ตามกฎระเบี
ยบต่
างๆ ด้
วยความเป็
นพลเมื
องทีÉ
ดี
พร้
อม
ดํ
าเนิ
นการจั
ดหาสิ
นค้
าและบริ
การทีÉ
อย่
างน้
อยทีÉ
สุ
ดควรตอบสนองข้
อกํ
าหนดขั
Ê
นตํ
É
าของกฎหมาย (3)ความรั
บผิ
ดชอบด้
าน
จริ
ยธรรม (Ethical Responsibilities) การดํ
าเนิ
นธุ
รกิ
จตามความคาดหวั
งของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยหรื
อสมาชิ
กในสั
งคมซึ
É
งคาดหวั
ง
ให้
บริ
ษั
ทมี
มาตรฐานการปฏิ
บั
ติ
งานสู
งกว่
าทีÉ
กฎหมายกํ
าหนด ดํ
าเนิ
นการในลั
กษณะทีÉ
สอดคล้
องกั
บความคาดหวั
งของธรรม
เนี
ยมทางสั
งคมและบรรทั
ดฐานทางจริ
ยธรรม และการเคารพในบรรทั
ดฐานทางจริ
ยธรรมหรื
อคุ
ณธรรมทีÉ
นํ
ามาใช้
ในสั
งคม
(4)ความรั
บผิ
ดชอบด้
านการกุ
ศล(Philanthropic Responsibilities) เป็
นการดํ
าเนิ
นธุ
รกิ
จตามความปรารถนาของสั
งคมเพืÉ
อ
แสดงความเป็
นพลเมื
องทีÉ
ดี
ของสั
งคม โดยเน้
นการส่
งเสริ
มสวั
สดิ
การของมนุ
ษย์
กิ
จกรรมการกุ
ศลของชุ
มชน เพืÉ
อเสริ
มสร้
าง
คุ
ณภาพชี
วิ
ตของชุ
มชน ผ่
านการสนั
บสนุ
นทางการเงิ
นและทรั
พยากรมนุ
ษย์
ของบริ
ษั
ทด้
วยความสมั
ครใจ
3)
แนวคิ
ดการมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ย (Stakeholder Engagement)
การมี
ส่
วนร่
วมของผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยเป็
นกลไกสํ
าคั
ญทีÉ
ก่
อให้
เกิ
ดการสร้
างให้
เกิ
ดความไว้
วางใจและความ
ร่
วมมื
อ สามารถทํ
าให้
บริ
ษั
ทมี
ความได้
เปรี
ยบในการแข่
งขั
นAndriof &Waddock (2002)ได้
ให้
คํ
าจํ
ากั
ดความว่
าเป็
น
กระบวนการซึ
É
งสร้
างบริ
บทของการปฏิ
สั
มพั
นธ์
แบบเป็
นพลวั
ตร การเคารพซึ
É
งกั
นและกั
น การสนทนา และการเปลีÉ
ยนแปลง
เพืÉ
อสร้
างความไว้
วางใจบนพื
Ê
นฐานของการมี
ส่
วนร่
วม สอดคล้
องกั
บ Manetti (2011) ที
É
ให้
ความหมายว่
าเป็
นกระบวนการทีÉ
บริ
ษั
ท เกีÉ
ยวข้
องกั
บผู
้
มี
ส่
วนได้
เสี
ยของพวกเขาในกระบวนการตั
ดสิ
นใจ ทํ
าให้
พวกเขาเข้
าร่
วมในการจั
ดการธุ
รกิ
จ การ
999
การประชุ
มวิ
ชาการระดั
บชาติ
มหาวิ
ทยาลั
ยทั
กษิ
ณ ครั้
งที่
22 ประจำปี
2555